“สมคิด” บุกกระทรวงคลังสั่งรัฐวิสาหกิจอัด1.7แสนล้านต้านสงครามการค้า-เศรษฐกิจโลกดิ่ง

“สมคิด” สั่ง “คลัง-คมนาคม” แก้อุปสรรครัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุน หวังเม็ดเงินอีก 1.7 แสนล้านบาทเข้าระบบเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปี หนุนรัฐวิสาหกิจริเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ เชียร์ “กสท-ทีโอที-ไปรษณีย์” ลงทุน “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล-ท่อร้อยสาย” ในพื้นที่ EEC รองรับ 5G

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (7 ส.ค.) ได้ประชุมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ในช่วงอีก 4-5 เดือนที่เหลือของปี 2562 นี้ โดยกำชับให้ทุกแห่งเร่งรัดเบิกจ่ายอย่างเต็มที่ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งทางกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมพร้อมจะช่วยแก้ปัญหาอุปสรรคให้กับรัฐ
วิสาหกิจทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคระหว่างกระทรวง ระหว่างหน่วยงาน หรืออื่น ๆ รวมถึงพร้อมสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจทำโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมด้วย อย่างเช่น การลงทุนท่อร้อยสายที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในพื้นที่อีอีซีเพื่อรองรับเทคโนโลยี 5G ของกลุ่มรัฐวิสาหกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคม คือ บมจ. กสท โทรคมนาคม, บมจ. ทีโอที และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย

“ขณะนี้เรากำลังเผชิญกับสงครามการค้าที่แรงขึ้นทุกวัน เพื่อความไม่ประมาท เพราะเรารู้ว่าเศรษฐกิจโลกไม่ดี การส่งออกของทุกประเทศก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ความเชื่อมั่นของประชาชนทั่วโลกก็วิตกกังวล ฉะนั้นเครื่องมือที่เราควบคุมได้คือการใช้จ่ายรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีรัฐวิสาหกิจบางกลุ่ม
เบิกจ่ายไปได้ดี บางกลุ่มก็อาจจะยังไปได้ช้า เพราะอาจจะมีอุปสรรคภายใน หรืออุปสรรคจากโครงการทั้งหลาย” นายสมคิดกล่าว

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า ได้สั่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จัดทำกระบวนการติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน ต้องการเน้นให้เกิดความมั่นใจว่าจะสามารถสนับสนุนให้เกิดการลงทุนได้อย่างเต็มที่ โดยการเบิกจ่ายต้องเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม รวมถึงทำโครงการใหม่ๆ ด้วย

“ยังได้ให้ สคร.ประสานกับรัฐวิสาหกิจ เพื่อปลดล็อกอะไรที่ติดขัด ต้องลดอุปสรรคต่างๆ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งช่วงที่เหลือของปีต้องเร่งทั้งส่วนที่ต่ำกว่าเป้าไป 30,000 ล้านบาท และที่ต้องเบิกตามแผนอีก 1.4 แสนล้านบาท เพื่อให้มีผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ” นายอุตตมกล่าว

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า การประชุมเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง งบลงทุนรวม 538,943 ล้านบาท ถึงขณะนี้มีการเบิกจ่ายแล้ว 499,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายไปกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนที่กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบอยู่ 3 หน่วยงาน คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และ บมจ.ท่าอากาศยานไทย โดยทางกระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดติดตามความคืบหน้าทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ตนจะเข้ามากำกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

“ก็จะไปเร่ง 3 หน่วยงานนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา เป็นเพียงความสับสนในช่วงการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องรออะไรแล้ว แม้จะเป็นรัฐบาลผสม ก็มีจุดมุ่งหมายทำงานเพื่อประเทศชาติ ประชาชนเหมือนกัน โดยรองนายกฯ ให้นโยบายว่า รัฐวิสาหกิจต้องอย่าไปจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบเก่า ๆ งบฯที่เบิก
ไม่ทัน แต่มีความพร้อมด้านกำลัง อย่าง บมจ.ท่าอากาศยานไทย ก็ให้เร่ง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างชาติ” นายศักดิ์สยามกล่าว

นายศักดิฺสยามกล่าวว่า ในส่วนของ รฟท.ก็ต้องดูว่า สัญญาในโครงการลงทุนที่ไม่ได้ติดขัดปัญหาการร้องเรียน ก็ให้เดินหน้าไปได้เลย ขณะที่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย ต้องพิจารณาเร่งรัดลงทุนสนามบินในภูมิภาคด้วย นอกเหนือไปจากการลงทุนในส่วนสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ส่วนการจัดซื้อเครื่องบินของ บมจ.การบินไทย เท่าที่ดูไม่ได้มีปัญหาอุปสรรค เพียงแต่ขอให้พิจารณาดำเนินการให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศให้ได้ โดยคำนึงถึงคุณภาพ ประสิทธิภาพ เส้นทางการบินต่างๆ อย่างครบถ้วน

“รองนายกฯ บอกว่า ปีนี้ถ้ารัฐวิสาหกิจใดเก็บเงินไว้ไม่ลงทุน กระทรวงการคลังจะเก็บเงินเข้ากระทรวงให้หมด ฉะนั้น ไม่เฉพาะกระทรวงคมนาคม ยังรวมถึงรัฐวิสาหกิจอื่นด้วย” นายศักดิ์สยามกล่าว

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า ในวันนี้กระทรวงการคลังโดย สคร.ได้จัดประชุมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน และได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ 19 แห่ง รวมถึงผู้บริหารบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่เพื่อรับนโยบายในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และจัดทำการลงทุนใหม่ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2562 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ มีโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามแผน เช่น โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย – จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา) และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม – ชุมพรของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ซึ่งถึงแม้ว่าปัจจุบันโครงการเหล่านี้จะสามารถแก้ไขปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง การก่อสร้าง และเริ่มมีการตรวจรับงานและทยอยเบิกจ่ายได้แล้ว แต่เนื่องจากปัญหาความล่าช้าในช่วงแรกส่งผลให้การดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายของโครงการในภาพรวมยังล่าช้ากว่าแผน

“รองนายกฯ มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือผลักดันให้เกิดการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 2 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ เช่น ให้เร่งรัดตรวจรับงวดงานให้เร็วขึ้นและเร่งรัดงวดงานที่ทำได้ทันทีให้ดำเนินการเร็วขึ้น รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจเร่งจัดทำโครงการลงทุนเพิ่ม โดยสำหรับรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินให้พิจารณาเสนอโครงการลงทุนที่มีความพร้อมและมาดำเนินการในปี 2562 และสำหรับรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณพิจารณาปรับเพิ่มกรอบงบลงทุนปี 2563 โดยให้เน้นการลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2562 (ต.ค. 2562– ธ.ค. 2562) ทั้งนี้ รมว.คลังได้มอบหมายให้ สคร. จัดทำระบบการติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เข้มข้นมากขึ้น และให้มีการประสานงานระหว่างกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาให้ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งหากติดขัดให้รายงาน รมว.คลังทันที” นายประภาศกล่าว