ผู้จัดการ ตลท. ไม่เซอร์ไพรส์ กนง.ลดดอกเบี้ย เหตุปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 : 2 ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จากระดับ 1.75% เหลือ 1.5% สวนตลาดคาดนั้น มองว่าไม่ได้เซอร์ไพรส์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าที่คาด ถ้าเป็นเหมือนในอดีตไม่ได้มีปัญหาที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ตลาดก็ไม่คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดดอกเบี้ย

แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั้งเศรษฐกิจโลกและความขัดแย้งทางการค้า ซึ่งถือเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่ ธปท.จะมองการลดดอกเบี้ยเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ เพราะฉะนั้นโดยส่วนตัวมองว่าไม่ได้แปลกใจ

“อย่างเมื่อวานก่อนธนาคารกลางออสเตรเลียลดดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งเป็น Issue ที่เราเห็นมาตลอดว่ามันเกิดขึ้น ในอดีตหลายธนาคารกลางกลัวเรื่องการ bubble กลัวเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะโตเร็วในบางที่ แต่คราวนี้ทุกคนเริ่มเห็นพร้อมกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Global Scale มันมีผลค่อนข้างมาก” นายภากรกล่าว

โดยมุมมองต่อตลาดทุนไทยอยากจะฝากนักลงทุนให้ติดตามคือ ตอนนี้ผลกระทบแต่ละเรื่องไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจะเป็นเซ็กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท เพราะจะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทจริงๆ ว่าความสามารถในการทำกำไรของแต่ละบริษัทถูกกระทบแต่ละเรื่องอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องทำการศึกษาให้ดี

แต่ถ้ามองภาพรวมตลาดหุ้นไทย จะเห็นว่าจากความหลากหลายของบริษัทจดทะเบียนไทย มีบริษัทที่แข็งแกร่งในหลายเซ็กเตอร์ มีบริษัทที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีบริษัทที่มีเป็น Supply Chain เป็น Value Chain เพราะฉะนั้น Issue พวกนี้เป็นตัวที่ทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถทนกับปัญหาต่างๆ และปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามาได้

“หากพิจารณาปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิดจะพบว่า SET Index ลดลงน้อยกว่าตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 ต่อมาวันที่ 1 ส.ค.62 ทรัมป์ทวิตว่าสหรัฐจะขึ้นภาษีจีน 10% สำหรับสินค้านำเข้า 2.5 แสนล้านเหรียญในวันที่ 1 ก.ย.62 และต่อมาเมื่อวันที่ 5 ส.ค.62 จีนลดค่าเงินหยวน

แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเพียง -2.05% ณ วันที่ 6 ส.ค.62 ในขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง -7.71%, ตลาดหุ้นไต้หวันลดลง -4.03%, ตลาดหุ้นอินโดนีเซียลดลง -4.04%, ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง –5.18%, ตลาดหุ้นสิงคโปร์ลดลง -5.37%, ตลาดหุ้นสหรัฐลดลง -5.44%, ตลาดหุ้นอังกฤษลดลง -5.45%, ตลาดหุ้นเกาหลีลดลง -5.94%, ตลาดหุ้นจีนลดลง -6.05%

ล้วนเป็นปัจจัยโลก ไม่ใช่ปัจจัยในประเทศ และทุกอย่างที่เกิดขึ้น ให้ดูความสามารถในการทำกำไร และภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่พูดมาตลอดว่าเศรษฐกิจไทยไม่อ่อนแอ ด้านเกี่ยวกับการคลัง และการเงินของไทยมีความเข้มแข็ง”

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า จริงๆ ถ้าเกิดสแกนดูทั้งโลก ตอนนี้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทางเฟดเองก็เพิ่งจะลดดอกเบี้ยไป และหลายๆ ที่เริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น

แต่ถามว่าการที่ กนง.ลดดอกเบี้ยเซอร์ไพรส์หรือไม่ คิดว่าไม่ เพราะเป็นเทรนด์ ขณะที่ตลาดทุนไทยมีความเข้มแข็ง เศรษฐกิจโดยรวมสถานะน้อย เงินเฟ้อต่ำ ซึ่งถือว่าลบน้อยมาก เมื่อเทียบกับจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ตลาดหุ้นไทยังมีสเถียรภาพค่อนข้างมาก

แนะนำนักลงทุนติดตามปีนี้ทั้งปี หลักๆ คือเรื่องของสงครามการค้า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนเรื่องสงครามการค้าคาดว่าหลายแห่งมีมาตรการรองรับไว้ ในส่วนการยืดเยื้อหรือไม่นั้น มองว่าต้องติดตามและเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์

ส่วนการลดค่าเงินหยวนต้องติดตามแต่มองว่ากรณีนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐรวบรัดมากขึ้น แนะนำนักลงทุนติดตามสถานการณ์สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี และสงครามเคอเรนซี่วอร์ ส่วนเรื่องความขัดแย้งในฮ่องกงนั้น มองว่าเป็นเรื่องภายในไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไท