EXIM BANK ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุดในระบบเหลือ 6.125% ต่อปี

EXIM BANK ออกมาตรการเสริมสภาพคล่องผู้ส่งออก พร้อมให้เงินกู้ระยะยาว 3 ปี แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก มียอดขายหดตัว 15% ขึ้นไป ในอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ที่ปรับลดแล้วเหลือ 6.125% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนลูกค้าทั่วไปและเอสเอ็มอี หวังดันส่งออกไทยปี 62 โตตามเป้าหมาย

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีภารกิจสนับสนุนการส่งออก การนำเข้า และการลงทุน EXIM BANK เล็งเห็นถึงความจำเป็นของการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของผู้ประกอบการในระบบ สามารถเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจได้ ท่ามกลางภาวะค่าเงินบาทผันผวนและเศรษฐกิจโลกยังไม่มีความแน่นอน จึงได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate

ซึ่ง EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ของธนาคารพาณิชย์ เหลือ 6.125% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในระบบธนาคารขณะนี้ เพื่อแบ่งเบาภาระต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการไทย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ EXIM BANK ได้ออกมาตรการ “EXIM เสริมสภาพคล่องผู้ส่งออกไทย” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของภาคการส่งออกไทยในครึ่งแรกของปี 2562 โดย EXIM BANK จะสนับสนุนเงินกู้ระยะยาว 3 ปี วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ซึ่งเท่ากับ 6.125% ต่อปี ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น 1 ปี ใช้หนังสือค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นหลักประกันได้ สำหรับลูกค้าที่มียอดขายลดลง 15% ขึ้นไปเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยมีเป้าหมายวงเงิน 2,000 ล้านบาท

“EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชน เป็นเครื่องมือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย มีสภาพคล่องและศักยภาพที่แข่งขันได้อย่างไม่สะดุด ท่ามกลางความท้าทายและโอกาสที่มีอยู่อีกมากในตลาดโลก” นายพิศิษฐ์กล่าว