ค่าเงินบาท​แข็งค่า​ที่​30.62​บ./ดอลลาร์​ เทรนด์บาทแข็งรอบ​6​ปี ดึงผู้ส่งออกสนใจซื้อเงินบาท

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ประธานนักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า​ ค่าเงินบาท​เปิดตลาดเช้าวันนี้​ (28​ ส.ค.)​ ที่ระดับ 30.62 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ​ แข็งค่าขึ้นจากช่วงสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 30.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​ โดย​กรอบค่าเงินบาทวันนี้​อยู่​ระหว่าง​ 30.57-30.67 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​

“โดยรวม เงินบาทไม่ได้มีความเคลื่อนไหวมาก ส่วนใหญ่จะเป็นฝั่งผู้ส่งออกที่กลับมาให้ความสนใจค่าเงินมากขึ้น เนื่องจากเป็นระดับเงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในรอบ​ 6​ ปี” ด​ร.จิติพล​กล่าว

อย่างไรก็ดี ในวันนี้เงินบาทก็ปรับตัวอ่อนค่าลงบ้าง เนื่องจากภาพรวมในระยะสั้นยังคงมีความเสี่ยงสูง กดดันสกุลเงินเอเชีย ให้เคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าซึ่งไม่เป็นบวกกับค่าบาทระยะต่อไป ต้องระวังทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐ ที่พลิกไปมาได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น คงดอกเบี้ย หรือลด 0.25% (ตลาดเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมครั้งหน้า) หรือลด 0.50% ซึ่งประเด็นดังกล่าวสามารถดึงเงินดอลลาร์ให้สามารถแข็งค่าหรืออ่อนค่าเร็วได้ในช่วงสั้น

ด​ร.จิติพล​ กล่าวอีกว่า​ ตอนนี้​นักลงทุนเลือก “ขายทำกำไร” หุ้นและกลับเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยในคืนที่ผ่านมา กดดันดัชนี S&P500 ให้ย่อตัวลง 0.3% บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ10ปี ปรับตัวลง 6.2bps ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน และทองคำ 0.3% และ 1.0% ตามลำดับ ภาพตลาดที่ผันผวน เกิดจากความสับสนว่าสหรัฐฯและจีน จะสามารถกลับมาเจรจาการค้าได้จริงหรือไม่

อย่างไรก็ดี ตลาดทุนในฝั่งยุโรปกลับฟื้นตัวได้ต่อ สังเกตุได้จากดัชนี STOXX50 ที่ปรับตัวขึ้น 0.7% หนุนโดยหุ้นกลุ่มยานยนต์หลังทางการจีน เตรียมออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของครัวเรือน

ส่วนในฝั่งตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 2.2% แตะระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะในวันนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ EIA มีกำหนดรายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ซึ่งตลาดคาดว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สะท้อนภาพปริมาณความต้องการน้ำมันดิบที่ไม่อ่อนไหวตามทิศทางการค้า