SCBS จับลูกค้าเวลท์ ชี้ช่องลงทุนหุ้นปลายปี

สัมภาษณ์

การสร้างความมั่งคั่ง (เวลท์) มีหลากหลายทางเลือก ทำให้นักลงทุนต่างค้นหาวิธีการ โดย “สุกิจ อุดมศิริกุล” กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) ผู้อำนวยการหลักสูตร SCBS Infinite Wealth Program (IWP) ให้สัมภาษณ์ถึงการต่อยอดการลงทุนให้กับลูกค้าเวลท์ของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และกลุ่มอื่น ๆ

“สุกิจ” เล่าว่า บริษัทโฟกัสกลุ่มลูกค้าเวลท์มากขึ้น โดยเน้นให้ความรู้และแรงบันดาลใจในการลงทุน ผ่านโครงการ “SCBS Infinite Wealth Program (IWP)” ที่ทำมา 5 ปี มีนักลงทุนเข้าร่วมแล้วกว่า 300 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ หรือทายาทเจ้าของกิจการ ขณะที่ IWP ครั้งที่ 6 ปิดรับสมัครไปเมื่อ 26 ก.ค. โดยจะมีคอร์สเริ่มตั้งแต่การปูพื้นฐาน (fundamental) การลงทุนไปจนถึงการลงทุนจริง เน้นลงทุนในหุ้นเป็นหลัก แต่จะเติมการบริหารความมั่งคั่งเข้าไป โดยให้ทำ “wealth planning” และสอนการลงทุน

“เราเน้นการให้ความรู้แต่เสริมในเรื่องประสบการณ์การลงทุนใหม่ ๆ ผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยมีการลงทุนในหุ้นไทยและต่างประเทศ ซึ่งผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักลงทุน VI (การลงทุนแนวเน้นคุณค่า) ที่ไปลงทุนต่างประเทศแล้วประสบความสำเร็จ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดเงินตลาดทุนโลก พร้อมประเด็นสำคัญ อย่างโอกาสและความเสี่ยงการลงทุนช่วงข้อพิพาทการค้า”

โดยผู้ร่วมโครงการยังจะได้เรียนรู้ประสบการณ์จริงจาก business icon (นักธุรกิจที่มีชื่อเสียง) อาทิ นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN), นางวรรณิภา ภักดีบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โอสถสภา (OSP), นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการช่อง 3 (BEC), นายวัชระ แก้วสว่าง (เสี่ยป๋อง) เซียนหุ้นพันล้าน ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าร่วมได้เห็นภาพธุรกิจ ภาพเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ในตลาดเงินตลาดทุนเพื่อนำไปใช้ต่อได้จริง

ขณะเดียวกัน ยังมีการสอนการออก IPO หรือการนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไปจนถึงสอนด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี เพราะอาจจะมีคนที่ต้องการไปออก ICO (การเสนอขายเหรียญในระยะเริ่มต้น) หรือใช้เทคโนโลยีไปทำธุรกิจ หรือไปลงทุน นอกจากนี้ ยังได้สอนการลงทุนซื้อหุ้นนอกตลาด (private equity) ด้วย

“สเกลของการลงทุนไม่ใช่รูปแบบแค่การซื้อหุ้น แต่ซื้อหุ้นเป็นส่วนหนึ่งให้เข้าใจตลาด แต่หลักสูตรนี้มีทั้งซื้อหุ้นนอกตลาด เอาหุ้นเข้าตลาด ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (digital asset) หรือจะไปลงทุนในเครื่องประดับ เช่น เพชร นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม เป็นต้น”

“สุกิจ” ยังกล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยที่ผันผวนสูงช่วงนี้ว่า ตอนนี้เป็นช่วงรอยต่อว่าจะ bullish (ตลาดกระทิง) หรือจะเป็น bearish (ตลาดหมี) โดยแกว่งไปตามความผันผวน หัวใจสำคัญต้องดูตัวเลขเศรษฐกิจว่าจะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นเมื่อใด ซึ่งอาจต้องใช้เวลา เพราะค่อนข้างบอบช้ำจากสงครามการค้า โดยเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปอยู่ในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำพวกพันธบัตร ทองคำ กองรีทที่มีเงินปันผลต่อเนื่อง

“ราคาสินทรัพย์พวกนี้ขึ้นสวนตลาดหุ้น จังหวะตอนนี้ถ้าหุ้นลงมา 1,600 จุดก็ควรซื้อไว้บ้างเพราะเป็นราคาที่น่าสนใจ ซื้อพวกหุ้นปันผล เนื่องจากบริษัทไทยไม่ได้รับผลกระทบปัจจัยภายนอกมากนัก ก่อนหน้านี้ผมเคยไปบอกว่าหุ้นไทยน่าจะพีกช่วงไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,750 จุด ซึ่งก็พีกไปแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงการปรับฐานและรอดูผลการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งโลก รวมถึงไทยที่มีแพ็กเกจ 3 แสนล้านบาท และมีการผ่อนคลายมาตรการคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) สิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ ทำให้ไตรมาส 3 ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะดูดีขึ้น ความเชื่อมั่นนักลงทุนคงจะเริ่มเพิ่มขึ้น”

“สุกิจ” ประเมินว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้หุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวกรอบแคบ โดยกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,600-1,700 จุด และคาดว่ากำไร บจ.ปีนี้น่าจะโต 5% จากเดิมคาดอยู่ที่ 8-10%