เงินบาททยอยแข็งค่า จับตาสัปดาห์หน้า ‘สงครามการค้า-BREXIT-ดบ.สหรัฐ’

แฟ้มภาพ
เงินบาททยอยแข็งค่า ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวตามประเด็นสงครามการค้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 2 เดือนที่ 30.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับแรงหนุนของสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ ในช่วงต้นสัปดาห์ ภายหลังจากที่สหรัฐฯ และจีน ปรับขึ้นภาษีตอบโต้กัน ซึ่งทำให้ภาวะสงครามการค้ามีความตึงเครียดมากขึ้น อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ตามแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ในช่วงใกล้สิ้นเดือนจากในประเทศ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ ตลาดรอประเมินความคืบหน้าและโอกาสการกลับมาเจรจาเพื่อลดข้อพิพาททางการค้าระหว่างกันของสหรัฐฯ และจีน

ในวันศุกร์ (30 ส.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 30.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 ส.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.40-30.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยต้องจับตาสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และ BREXIT ตลอดจนสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนส.ค. รายจ่ายด้านการก่อสร้างและยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. นอกจากนี้ ตลาดในประเทศอาจรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของไทยด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยพลิกกลับมาปิดบวกปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,654.92 จุด เพิ่มขึ้น 0.50% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 60,717.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.82% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai เพิ่มขึ้น 0.46% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 352.72 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งยกระดับขึ้นหลังทั้งสองฝ่ายออกมาตรการตอบโต้ทางภาษีรอบใหม่ระหว่างกัน อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ทยอยฟื้นตัวกลับมาได้ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันโลก ประกอบกับความคาดหวังในประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน หลังทางการจีนเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างหารือเพื่อจัดการเจรจาการค้ารอบใหม่

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,635 และ 1,620 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,660 และ 1,675 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ประเด็นความเสี่ยง BREXIT รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร รวมถึงอัตราการว่างงานเดือนส.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลชจีดีพีไตรมาส 2/62 ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI Composite เดือนส.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน