“ขุนคลัง” สั่งศุลกากรตรวจเข้ม “สินค้าเกษตร-น้ำมันเชื้อเพลิง-สารเสพติด”

“อุตตม” สั่งกรมศุลกากรเร่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ปั้น “NSW-eCustom” 3 เดือนให้แล้วเสร็จ คุมเข้มสินค้า “เกษตร-น้ำมันเชื้อเพลิง-สารเสพติด” ฟาก “กฤษฎา” ชี้เก็บภาษีสินค้าเกษตรได้มากกว่าปีก่อนถึง 600 ล้าน คาดเปิดใช้เครื่องเอกซเรย์แบบคร่อมสายพาน 23 เครื่อง ในวันที่ 1 ม.ค.63

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ผู้บริหารกรมศุลกากรว่า ได้ให้กรมศุลกากรเร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งการใช้ระบบเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ (National Single Window : NSW) จะต้องเชื่อมโยงกับหน่วยงานในประเทศให้ได้ภายใน 3 เดือน และจะนำเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่โดยมีนายประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมเตรียมการระยะต่อไปถึงการเชื่อมโยงกับประเทศในอาเซียน โดยจะทำให้แล้วเสร็จภายในธันวาคม 2562 นี้

ต่อมาได้ฝากถึงการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์ e-Custom เข้ามาช่วยในเรื่องของการจ่ายค่าภาษีอากรต่างๆ ให้สามารถจ่ายผ่านออนไลน์ และระบบแอพพลิเคชันได้ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายทั้งผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ โดยขอให้ระบบใช้งานได้เต็มที่ภายใน 3 เดือน นอกจากนี้ ได้ฝากถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ให้มากขึ้น ในส่วนของการปฏิบัติงานการป้องปรามการกระทำที่ผิดกฎหมาย

“อย่างเช่น การนำเครื่องเอกซเรย์สินค้าเข้ามาตรวจจับของที่สำแดงไม่ถูกต้อง พร้อมกันนี้ จะต้องตรวจการให้เข้มข้นขึ้น เกี่ยวกับการลักลอบนำสินค้าเข้าประเทศ ทั้งสินค้าเกษตร อาทิ หอมแดง และน้ำมันปาล์ม รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง และสิ่งเสพติดด้วย นอกจากนี้ สนับสนุนศุลกากรดูแลระบบต่างๆ เพื่อให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมในประเทศไทย เช่น การทำระบบต่างๆ รองรับโครงการอู่ตะเภา ได้ขอให้พัฒนาระบบให้เสร็จสมบูรณ์ พร้อมที่จะรองรับการค้าขายอุตสาหกรรมสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว” นายอุตตม กล่าว

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้นโยบายเกี่ยวกับความสะดวกรวดเร็ว เพื่อส่งเสริมให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาประกอบการในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กรมศุลฯ กำลังอยู่ในช่วงตรวจรับเครื่องเอกซเรย์แบบคร่อมสายพานลำเลียงกระเป๋ามาใช้ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งหมด 23 เครื่อง คาดว่าจะเปิดให้ใช้งานในวันที่ 1 ม.ค.63 โดยเครื่องเอกซเรย์คร่อมสายพานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม ในปีนี้สามารถจัดเก็บภาษีจากสินค้าเกษตร ทั้งหอมและกระเทียมได้เพิ่มขึ้น 1,600 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาจัดเก็บภาษีได้ 1,000 ล้านบาท

“สำหรับเครื่องเอกซเรย์คร่อมสายพานนี้ จะถูกติดตั้งเพื่อสแกนของในกระเป๋า หลังจากลำเลียงกระเป๋าลงจากเครื่องบิน เพื่อตรวจสอบกระเป๋าในช่วงขาเข้าประเทศว่ามีของผิดกฎหมาย หรือสินค้าแบรนด์เนม ที่ต้องสำแดงหรือไม่ และหากแสกนพบของต้องสำแดงจะมีการบันทึกไว้ในระบบก่อนผู้โดยสายจะรับกระเป๋าไป หากเลี่ยงไม่ผ่านช่องสีแดงก็จะถูกจับตรวจเพื่อเสียภาษีโดยทันที” นายกฤษฎา กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมศุลฯ ได้เชื่อมโยงระบบ NSW ภายในประเทศกับทั้ง 37 หน่วยงานแล้ว เหลืออีกประมาณ 6 หน่วยงาน ที่ยังเชื่อมข้อมูลไม่ได้ ส่วนในต่างประเทศมีการเชื่อมโยงแล้ว 7 ประเทศ จากทั้งหมด 10 ประเทศ โดยในเดือนต.ค.62 ประเทศเมียนมา และฟิลิปปินส์ จะเริ่มทดลองใช้ระบบกับประเทศไทย คาดว่าในสิ้นปีนี้ประเทศลาวจะเริ่มทดลองใช้