ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตลาดกังวลความต้องการใช้น้ำมันแนวโน้มชะลอตัว จากผลกระทบพายุเฮอร์ริเคน

– ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง จากความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังพายุเฮอร์ริเคน Irma ซึ่งนับเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดในมหาสมุทรแอตแลนติกในรอบ 82 ปี ได้สร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในแถบทะเลแคริบเบียนไปแล้วกว่า 22 คนและพายุดังกล่าวเตรียมเคลื่อนตัวเข้าสู่รัฐฟลอริดาในสุดสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 6.5 ล้านคนได้ถูกอพยพเพื่อเตรียมรับมือกับพายุดังกล่าว โดยสหรัฐฯ คาดผลกระทบของเฮอร์ริเคน Irma จะสูงถึง 200 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าความเสียหายในปี 2005 จากเฮอร์ริเคน Katrina

– แม้ว่าโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ บางส่วนจะเริ่มกลับมาดำเนินการผลิต โดยภาพรวมโรงกลั่นยังคงปิดดำเนินการกว่า 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 20 ของกำลังการผลิตทั้งหมด หลังโรงกลั่นบางแห่งต้องใช้ระยะเวลานานกว่าคาดในการเปิดดำเนินการ โดยโรงกลั่นของ Exxon Mobil กำลังการผลิต 362,300 บาร์เรลต่อวันคาดจะปิดดำเนินการจนถึงต้นเดือนตุลาคม

+ ปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน หลังผู้ผลิตบางส่วนปรับลดการขุดเจาะลงเพื่อความปลอดภัยจากพายุ Harvey และ Irma รวมถึงผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ได้ทำการปรับลดงบลงทุนของปีนี้ลงหลังราคาน้ำมันดิบปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ก.ย. ปรับลดลง 3 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 756 แท่น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากตลาดน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังอุปทานยังคงตึงตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 11.77 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่อยู่ในระดับสูงและการส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังยุโรปที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

จับตาการเคลื่อนตัวของพายุลูกใหม่ที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ชายฝั่งสหรัฐฯ โดยล่าสุดพายุเฮอร์ริเคน Irma ซึ่งได้พัฒนาความรุนแรงสู่ระดับ 5 และคาดว่าจะเป็นพายุ 1 ใน 5 ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 80 ปี ได้เคลื่อนผ่านหมู่เกาะในทะเลคาลิบเบียน และกำลังเคลื่อนตัวเข้ารัฐฟลอลิด้าในช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการเคลื่อนตัวของพายุ Jose และ Katia ที่คาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งสหรัฐฯ เร็วๆนี้

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งสู่ระดับมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากลิเบียสามารถเปิดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 280,000 บาร์เรลต่อวันได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังได้ทำการซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันที่เชื่อมต่อระหว่างแหล่งผลิตกับท่าเรือ Zawiya เสร็จสิ้นแล้ว

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลงในสัปดาห์นี้ หลังโรงกลั่นน้ำมันในพื้นที่ชายฝั่งของอ่าวเม็กซิโกสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้แล้วประมาณร้อยละ 4 ของกำลังการผลิตทั้งหมด หลังในสัปดาห์ก่อนหน้ามีการปิดดำเนินการไปทั้งสิ้นกว่า 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 24 ของกำลังการผลิต