ค่าเงินแข็งค่าตามภูมิภาค หลังสงครามการค้าเริ่มผ่อนคลายในระยะสั้น

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/9) ที่ระดับ 30.56/57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดในวันพุธ (11/9) ที่ระดับ 30.58/60 บาท/ดอลลาร์ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังมีความคืบหน้าของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน โดยเมื่อวานนี้ (11/9) จีนได้ประกาศยนกเว้นสินค้าสหรัฐ 16 รายการ ส่งผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนในปีนี้จนถึง 16 กันยายน 2563 แต่รายการที่ยกเว้นนั้นยังไม่รวมถึงสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนมองว่า การกระทำนี้เป็นการแสดงความสุจริตใจของจีนก่อนที่ทั้งสองประเทศจะมีการเจรจาทางการค้ากันในช่วงต้นเดือนตุลาคม ต่อมาในคืนเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความว่า เขาจะเลื่อนการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากวันที่ 1 ตุลาคมเป็นวันที่ 15 ตุลาคม เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่ดีกับจีน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวเพิ่มว่า การเลื่อนเก็บภาษีดังกล่าวมีขึ้นตามคำเรียกร้องของนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม

ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนที่ผ่านมา (11/9) กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนสิงหาคมเมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนกรกฎาคม ดัชนียังคงทรงตัวกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และเมื่อเที่บรายปี ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนสิงหาคมหลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนกรกฎาคม ในส่วนของดัชนีราคาผู้ผลิตขั้นพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงกว่าในช่วงเดือนก่อนหน้า ซึ่่งรายงานตัวเลขนี้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 กันยายนเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีการทวีตข้อความต่อว่าธนาคารสหรัฐ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดกล่าวว่าธนาคารกลางควรปรับลดดอกเบี้ยลงให้ติดลบ โดยการกระทำดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจได้อย่างมากและส่งผลดีต่อโครงสร้างหนี้ของรัฐอีกด้วย คำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงให้เห็นว่าเขาปรับเปลี่ยนจุดยืนไปจากเดิม เพราะเขาเคยกล่าวในเดือนที่แล้วว่า เขาไม่ต้องการให้อัตราดอกเบี้ยติดลบในสหรัฐ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.44-30.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.44/46 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/9) ที่ระดับ 1.1013/14 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (11/9) ที่ระดับ 1.1022/24 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนคาดว่าในวันนี้ (12/9) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งประกอบด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย, การให้สัญญาว่าจะคุมอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำเป็นเวลานานยิ่งขึ้น และการช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับผลข้างเคียงจากอัตราดอกเบี้ยติดลบ นอกจากนี้รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเยอรมนีเผยทรงตัวที่ระดับ -0.2% ในเดือนสิงหาคมเมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดัชนีนี้สื่อให้เห็นถึงเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนียังคงฟื้นตัวได้ช้าและเงินเฟ้อยังไม่ถึงกรอบที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1004-1.1032 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1025/29 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/9) ที่ระดับ 108.06/08 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (11/9) ที่ระดับ 107.68/71 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน
อ่อนค่าหลังอุปสงค์ในการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงขณะที่นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 107.76-108.16 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 107.85/88 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจ ในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ เดือนกรกฎาคม (12/9), ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนเดือนกรกฎาคม (12/9), ดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนีเดือนสิงหาคม (12/9), ดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ เดือนสิงหารคม (13/9), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค U of Michigan ของสหรัฐ ในเดือนกันยายน ผ13/9)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.00/-1.80 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอััตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -3.00/-2.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ