นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา “แนวพระราชดำริ ภูมิคุ้มกันสังคม วัคซีนธุรกิจยั่งยืน” ลดเหลื่อมล้ำ หนุนเศรษฐกิจฐานราก จากเหนือจดชายแดนใต้ ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยหรือเศรษฐกิจโลกนั้นเป็นวัฏจักร โดยความผันผวนเป็นเรื่องระยะสั้น แต่ควรมองเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวมากกว่า ทั้งต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยอยู่อย่างมีความหวังว่าชีวิตความเป็นอยู่ข้างหน้าจะดีขึ้น
ทั้งนี้ การสร้างภูมิคุ้มกันมีความท้าทาย โดยมี 3 ประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ 1.ทำอย่างไรให้คนไทยเก่งขึ้น และใช้ความเก่งอย่างเต็มความสามารถ 2.คำนึงถึงความยั่งยืนไม่เบียดบังทรัพยากรหรือคุณภาพชีวิตของคนรุ่นต่อไปมาใช้ เช่น การตั้งงบประมาณขาดดุลมากๆ ก็จะเป็นการเบียดบังทรัพยากรในอนาคตมาใช้ เป็นต้น และ 3.ทำอย่างไรให้มีภูมิคุ้มกันที่ดี
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- สหรัฐปรับ เอสซีจี พลาสติกส์ ละเมิดคว่ำบาตรอิหร่าน เรื่องเป็นอย่างไร บริษัทไหนเกี่ยวบ้าง ?
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
“การจะทำให้คนไทยเก่งขึ้น เรื่องที่สำคัญก็คือการศึกษา ที่ทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนาเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต” นายวิรไทกล่าว
นายวิรไทกล่าวว่า ภาคธุรกิจก็ต้องคิดอย่างยั่งยืนจึงจะทำธุรกิจอย่างมีภูมิคุ้มกันได้ ขณะที่การจะทำให้สังคมอยู่อย่างมีความหวังมากกว่าความกลัว ต้องสร้างกลไกรองรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงได้ อย่างเช่น การทำประกัน ที่ปัจจุบันมีประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) เป็นต้น
สำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูงในปัจจุบันนั้น นายวิรไทกล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่สำคัญเกิดจากรัฐบาลก่อนหน้านี้มีการทำนโยบายรถคันแรก จึงเป็นตัวเร่งหนี้ครัวเรือนขึ้นมา และต่อมาก็มีการแข่งขันปล่อยสินเชื่อรายย่อยของผู้ให้บริการทางการเงิน มีทำโปรโมชั่นผ่อน 0% กันมาก ซึ่งจากการศึกษาของ ธปท. พบว่าเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน พร้อมจะก่อหนี้เพื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น เพราะมีโปรโมชั่น 0% 6 เดือน รวมถึงพฤติกรรมช็อปปิ้งออนไลน์ เป็นต้น
“การออมเป็นเรื่องสำคัญ แต่ภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำมาเป็นเวลานาน ก็ไม่จูงใจให้เกิดการออม อย่างไรก็ดี ธปท.ก็พยายามดูไม่ให้มีการแข่งขันกันจนเกินพอดี แต่ทั้งนี้ ธปท.ก็ไม่ได้กำกับผู้ให้บริการการเงินทั้งหมด อย่างสหกรณ์หรือลีสซิ่ง ก็ไม่ได้กำกับ” นายวิรไทกล่าว
โดยสิ่งที่ ธปท.ดำเนินการที่ผ่านมาคือ การทำคลินิกแก้หนี้ เพื่อช่วยให้คนออกจากวงจรหนี้ได้ การปรับเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อต่างๆ ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต สินเชื่อทะเบียนรถ และล่าสุดก็มีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันกับสถาบันการเงินให้มีการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งก็มีผลทำให้บางแบงก์เลิกทำโปรโมชั่นผ่อน 0% ทันที