“กรุงศรี” คาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.20 หลังดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.20 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.10 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 29 เดือน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 3.4 พันล้านบาท และ 6.59 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ส่วนเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบกับเงินหลักทุกสกุล หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวย้ำถึงความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อต่ำ ส่งผลให้ตลาดลดคาดการณ์แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะถัดไป ในทางกลับกัน ยูโรแตะระดับแข็งค่าสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2558 หลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณเดินหน้าแผนลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า การบรรลุข้อตกลงของประธานาธิบดีทรัมป์และสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครตเพื่อต่ออายุเพดานหนี้ออกไปชั่วคราวไม่สามารถกระตุ้นแรงซื้อดอลลาร์ได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ขณะที่เส้นตายใหม่คือวันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนการประชุมเฟดเพียง 5 วัน เพิ่มความไม่แน่นอนต่อการตัดสินใจปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอีกด้วย ส่วนอีซีบี แม้ไม่ได้กังวลมากนักต่อการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินยูโรในช่วงที่ผ่านมา โดยทางการประเมินว่าเป็นผลของเศรษฐกิจยูโรโซนที่ฟื้นตัว แต่การที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้นถึง 15% ในปีนี้ อาจทำให้นักลงทุนลังเลมากขึ้นที่จะเข้าซื้อยูโรในระดับปัจจุบัน ส่วนข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะประกาศท้ายสัปดาห์นี้ ถ้าหากออกมาแย่กว่าคาด ดอลลาร์อาจจะเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง หลังจากประเทศอื่นๆ มีการปรับสมดุลนโยบายการเงินที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกลางแคนาดา ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสองครั้งติดต่อกัน นอกจากนี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับการประชุมธนาคารกลางอังกฤษโดยแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงรอยต่อของ Brexit จะส่งผลต่อทิศทางค่าเงินปอนด์ต่อไป


สำหรับปัจจัยภายในประเทศที่น่าติดตาม กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์มองว่า ตลาดยังคงระมัดระวังต่อท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการไหลเข้าของเม็ดเงินจำนวนมากจากต่างประเทศสู่ตลาดพันธบัตรไทยรอบใหม่ อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียในสัปดาห์ที่ผ่านมาในภาพรวมถือว่ามีทิศทางสอดคล้องกับการแข็งค่าของเงินหยวนเช่นกัน