ค่า​เงิน​บาท​เปิดที่​ 30.48 บาท/ดอลลาร์​ คาด​ กนง. 25​ ก.ย.​ คง​ดอกเบี้ย

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ประธานนักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า​ ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้​ (23​ ก.ย.)​ ที่ระดับ 30.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 30.46 บาทต่อดอลลาร์​สหรัฐ สำหรับ​กรอบค่าเงินบาทวันนี้อยู่​ที่​ 30.42-30.52 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​ ขณะที่​กรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้อยู่​ระหว่าง​ 30.25-30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​

“ในสัปดาห์นี้ เชื่อว่าตลาดจากเคลื่อนไหวไม่มากเช่นเดียวกับในสัปดาห์ก่อน เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่จะรอการประชุมคณะกรรมการ​นโยบาย​การเงิน​ (กนง.)​ ในวันพุธ​ (25​ ก.ย.)​ ซึ่งครั้งก่อนลดดอกเบี้ยโดยที่ตลาดไม่ทันทั้งตัว ด้วยภาวะปัจจุบันก็มีความเป็นไปได้ที่ธนาคาร​แห่ง​ประเทศไ​ทย​ (ธปท.)​ จะใช้เหตุผลเดิมในการลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้” ด​ร.จิติพลกล่าว

ด​ร.จิติพล​ กล่าว​อีกว่า​ อย่างไรก็ดี ยังคงมองภาพบวกกับเงินบาท เพราะเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ไม่ได้เจอกับแรงขายเหมือนสกุลเงินกลุ่ม​ประเทศ​ตลาด​เกิด​ใหม่​ (EM)​ อื่นๆ ในช่วงที่ผลตอบแทน​พันธบัตร​ (บอนด์ยีลด์)​สหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เชื่อว่าเงินบาทจะแข็งค่าถ้าบอนด์ยีลด์สหรัฐพลิกตัวลง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งเมื่อยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นใกล้แนวต้าน 2.00% หรือปรับตัวลงทันทีที่ตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk Off)

“สัปดาห์นี้ ประเด็นสำคัญของตลาดจะอยู่ที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธ เราคาดว่า กนง. จะ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% เพราะน่าจะต้องใช้เวลาในการประเมินผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยครั้งที่ผ่านมาก่อน อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ปัญหาอุทกภัย และการลงทุนที่ไม่ฟื้นตัวเป็นความเสี่ยงหลักที่กดดันให้ ธปท.อาจต้องลดดอกเบี้ยต่อในปีนี้” ด​ร.จิต​ิพลกล่าว​

สำหรับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจทั่วโลกก็เป็นไปในทิศทางที่ไม่สดใสนัก​ เริ่มจากฝั่งยุโรป ในวันอังคาร ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Ifo Business Climate) ที่จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 93.8 จุด เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 104.0จุด เห็นได้ชัดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมันชะลอตัวลงต่อเนื่อง

ถัดมาในวันพุธ (25​ ก.ย.) ​ตลาดมองว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) จะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Cash Rate) ที่ระดับ 1.00%

แตกต่างกับในวันพฤหัสฯ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) จะ “ลด” อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Overnight Rate) ลง 0.25% สู่ระดับ 4.00%

และในวันศุกร์​ (27​ ก.ย.)​ คาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในสหรัฐฯ (Durable goods orders) จะหดตัว 1.2% จากเดือนก่อนหน้า

ส่วนดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE Deflator) จะเร่งตัวขึ้นมาที่ระดับ 1.8% ชี้ว่าเฟดอาจไม่ได้มีความสามารถที่จะลดดอกเบี้ยมากอย่างที่ตลาดหวัง