นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงการใช้จ่ายจากชุดมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ของผู้ที่ได้รับสิทธิ์จากการลงทะเบียนวันแรก จำนวนกว่า 8 แสนราย พบว่า ค่อย ๆ มีการทยอยใช้จ่ายเรื่อย ๆ ซึ่งขณะนี้มียอดใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 80% ของผู้ที่ได้รับสิทธิ์ 8 แสนราย เนื่องจากผู้ที่ได้รับสิทธิ์บางรายยังอาจอยู่ในขั้นตอนการรอ SMS ตอบกลับเพื่อยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชันเป๋าตัง
สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันแล้วยังไม่ได้รับ SMS ตอบกลับนั้น อาจมีสาเหตุมาจากการตรวจสอบใบหน้าของประชาชน ซึ่งอาจทำให้ระบบเกิดความล่าช้า เพราะบางรายหน้าไม่ตรงกับรูปบัตรประชาชน โดยประชาชนจะต้องถ่ายรูปยืนยันตัวตนในระบบอีกครั้ง หรือสามารถไปยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา โดยวันนี้มีประชาชนเดินทางเข้ามายืนยันตัวตนที่สาขาแล้วกว่า 5,000 ราย และขณะนี้ธนาคารได้ดำเนินการทยอยส่ง SMS กลับไปให้ประชาชนที่ประสบปัญหาดังกล่าวแล้ว
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
ส่วนของการขยายเวลาในการลงทะเบียนรับสิทธิ์ชิมช้อปใช้นั้น นายผยง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เนื่องจากเป็นกรอบที่กระทรวงการคลังได้วางไว้แล้ว และส่วนตัวมองว่าเป็นการกั๊กสิทธิ์ด้วย ฉะนั้น ประชาชนจะต้องสละเวลามาลงทะเบียนรับใช้สิทธิ์ ขณะเดียวกัน ประชาชนยังให้ความสนใจกับมาตรการอย่างล้นหลาม
ล่าสุดหลังระบบเปิดหลังเที่ยงคืน (27 ก.ย.) พบว่า มีประชาชนเข้าสู่ระบบมาออประตูเกือบ 7 แสนราย จึงทำให้ระบบมีความล่าช้า อย่างไรก็ดี ธนาคารพยายามที่จะจัดระบบ และยอมรับว่ามีการเปิดท่อหน้าบ้านมากขึ้น ทั้งนี้ มีหน่วยงานราชการบริษัท กสท โทรคมนาคม หรือ CAT เข้ามาดูแลในเรื่องของระบบด้วย
ทั้งนี้ ร้านค้าที่ประสบปัญหาจากการใช้แอปพลิเคชันถุงเงินส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเพราะลืมเปิดโลเคชันหรือที่ตั้งของร้านค้าบนโทรศัพท์ ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้ดำเนินการผ่านคอลเซ็นเตอร์และปรับความเข้าใจแก่ร้านค้าเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี วันแรกอาจจะต้องทำความเข้าใจก่อน ระยะต่อไปก็อาจจะดีขึ้น