กสิกร ปลื้มขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยอดจองล้น 4.4 เท่า ระดมทุนหนุนกิจการแบงก์ในต่างประเทศ

ปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย (TBA)

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อายุ 12 ปี โดยสามารถไถ่ถอนได้ก่อนกำหนดในปีที่ 7 (12NC7) ครบกำหนดไถ่ถอนในปี พ.ศ. 2574 มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.343 % ต่อปี ซึ่งสามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (Tier 2) ของธนาคาร เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของธนาคารในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนเพื่อให้ธนาคารมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมในระยะยาว

หุ้นกู้ดังกล่าวออกโดยธนาคารกสิกรไทย สาขาฮ่องกง เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ Baa3 โดย Moody’s และที่ระดับ BBB จาก Fitch Ratings และจดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ โดยเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน ซึ่งสามารถจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว โดยสัดส่วนเป็นผู้ลงทุนจากทวีปเอเชีย 81% และจากทวีปยุโรป 19% หรือหากจำแนกตามประเภทของผู้ลงทุนจะประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 80% กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกัน และกองทุนความมั่นคงแห่งชาติ (Sovereign Wealth Funds) 8% ธนาคารพาณิชย์ 3% และสถาบันและองค์กรอื่น ๆ อีก 9% โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ มี BNP Paribas, Citigroup, และ Standard Chartered Bank เป็น Joint Book-Runners และ Joint Lead Managers

การระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารกสิกรไทยครั้งนี้ประสบความสำเร็จในหลายมิติ อาทิ มียอดจองหุ้นกู้สูงถึง 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 4.4 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้ที่ธนาคารเสนอขาย สะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศต่อธนาคารกสิกรไทยและเศรษฐกิจของไทย เนื่องจากเป็นหุ้นกู้ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงสุดในรอบ 5 ปี เมื่อเทียบกับหุ้นกู้ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ออกโดยผู้ออกหุ้นกู้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการออกเสนอขายประเภท Reg S (หุ้นกู้ที่ระดมทุนนอกสหรัฐฯ) รวมทั้งเป็นหุ้นกู้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่มีอายุยาวที่สุดในประเภท Reg S ที่ออกจากประเทศภูมิภาคเอเชีย (ไม่นับรวมประเทศญี่ปุ่น)


นอกจากนี้ ยังเป็นหุ้นกู้ธนาคารที่มีดอกเบี้ยและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเทียบพันฐบัตรรัฐบาลสหรัฐต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นกู้ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ออกโดยผู้ออกหุ้นกู้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในรอบ 2 ปี และเป็นหุ้นธนาคารสกุลดอลลาห์สหรัฐฯ ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่มีอายุหุ้นกู้แบบ 12NC7 รายแรกจากเอเชีย (ไม่นับญี่ปุ่น) ในรอบ 9 ปี และเป็นรายแรกจากประเทศไทย