ผู้ว่าธปท. เผยเตรียมออกผ่อนคลายกฎคุมเงินไหลออก ภายในสิ้นปีนี้ แก้ปมบาทแข็ง เปิดทางธุรกิจไทยนำเงินไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ทั้งเปิดโอกาสผู้ส่งออกพักเงินไว้ต่างประเทศนานขึ้น
“รอยเตอร์ส” รายงานว่า สถานการณ์เงินบาทของไทย ถือว่าเป็นสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในเอเชีย โดยปีนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเกือบ 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อภาคส่งออกของไทยอย่างมาก
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ราคาทองวันนี้ (17 เม.ย. 67) ปรับ 8 ครั้ง ขึ้น 450 บาท รูปพรรณบาทละ 42,150 บาท
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้สัมภาษณ์ “รอยเตอร์ส” เมื่อวันศุกร์4 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ธปท. จับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะใช้มาตรการป้องกัน “การไหลเข้าที่ไม่พึงประสงค์” เพื่อให้แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
โดยก่อนสิ้นปีนี้ ธปท. จะประกาศผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับการควบคุมเงินทุนไหลออกให้เสรีมากขึ้น สำหรับนักลงทุนไทยที่จะลงทุนในต่างประเทศเพื่อช่วยสร้างสมดุลการไหลเข้าและไหลออกของเงินทุนให้ดีขึ้น
โดยจะเป็นการเพิ่มช่องทางการลงทุนให้นักลงทุนมากขึ้นเช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มวงเงินที่อนุญาตให้นักลงทุนไทยไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ยังจะมีมาตรการที่ยืดหยุ่นเพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถเก็บเงินตราต่างประเทศไว้ที่ต่างประเทศได้มากขึ้น แทนที่จะนำเงินกลับเข้าประเทศ
“ผมคิดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับผ่อนคลาย แต่ถ้าเราพบว่าเศรษฐกิจแย่ลงกว่าที่คาดการณ์ เราพร้อมที่จะทบทวนนโยบายการเงิน และหากเศรษฐกิจโลกทรุดตัวลงอีก ซึ่งนั่นจะเป็นปัจจัยใหญ่ที่สุด ต่อความเสี่ยงของเสถียรภาพทางการเงิน ที่ยังคงเป็นข้อกังวลสำหรับคณะกรรมการนโยบายการเงิน”
เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อพลังทางเศรษฐกิจทั้งหมด เราจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อเสถียรภาพทางการเงินด้วย
ขณะที่หนี้ครัวเรือนเมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับสูงถึง 78.7% ของ GDP ซึ่งนับว่า “ไม่ดี” ซึ่งก็หวังว่าหนี้ครัวเรือนจะลดลงหรืออย่างน้อยก็ไม่เพิ่มสูงขึ้น