ผู้ว่าธปท. ประกาศเตรียมคลายกฎ”เงินไหลออก”ก่อนสิ้นปี เปิดทางธุรกิจไทยขนเงินออกแก้ปม”บาทแข็ง”

REUTERS/Matthew Tostevin

ผู้ว่าธปท. เผยเตรียมออกผ่อนคลายกฎคุมเงินไหลออก ภายในสิ้นปีนี้ แก้ปมบาทแข็ง เปิดทางธุรกิจไทยนำเงินไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ทั้งเปิดโอกาสผู้ส่งออกพักเงินไว้ต่างประเทศนานขึ้น

“รอยเตอร์ส” รายงานว่า สถานการณ์เงินบาทของไทย ถือว่าเป็นสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในเอเชีย โดยปีนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเกือบ 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อภาคส่งออกของไทยอย่างมาก

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้สัมภาษณ์ “รอยเตอร์ส” เมื่อวันศุกร์4 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ธปท. จับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะใช้มาตรการป้องกัน “การไหลเข้าที่ไม่พึงประสงค์” เพื่อให้แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

โดยก่อนสิ้นปีนี้ ธปท. จะประกาศผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับการควบคุมเงินทุนไหลออกให้เสรีมากขึ้น สำหรับนักลงทุนไทยที่จะลงทุนในต่างประเทศเพื่อช่วยสร้างสมดุลการไหลเข้าและไหลออกของเงินทุนให้ดีขึ้น

โดยจะเป็นการเพิ่มช่องทางการลงทุนให้นักลงทุนมากขึ้นเช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มวงเงินที่อนุญาตให้นักลงทุนไทยไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศมากขึ้น

นอกจากนี้ยังจะมีมาตรการที่ยืดหยุ่นเพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถเก็บเงินตราต่างประเทศไว้ที่ต่างประเทศได้มากขึ้น แทนที่จะนำเงินกลับเข้าประเทศ

“ผมคิดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับผ่อนคลาย แต่ถ้าเราพบว่าเศรษฐกิจแย่ลงกว่าที่คาดการณ์ เราพร้อมที่จะทบทวนนโยบายการเงิน และหากเศรษฐกิจโลกทรุดตัวลงอีก ซึ่งนั่นจะเป็นปัจจัยใหญ่ที่สุด ต่อความเสี่ยงของเสถียรภาพทางการเงิน ที่ยังคงเป็นข้อกังวลสำหรับคณะกรรมการนโยบายการเงิน”

เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อพลังทางเศรษฐกิจทั้งหมด เราจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อเสถียรภาพทางการเงินด้วย

ขณะที่หนี้ครัวเรือนเมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับสูงถึง 78.7% ของ GDP ซึ่งนับว่า “ไม่ดี” ซึ่งก็หวังว่าหนี้ครัวเรือนจะลดลงหรืออย่างน้อยก็ไม่เพิ่มสูงขึ้น