“เงินติดล้อ” ห่วงข้อจำกัดงัด DSR คุมหนี้

“เงินติดล้อ” โชว์ผลดำเนินงาน 9 เดือน สินเชื่อคงค้างโต 15% เบี้ยประกันวินาศภัยพุ่ง 50% ตั้้งเป้าคุม NPL ลูกค้าไม่เกิน 1.5% ในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.3% พร้อมเปิดตัวแคมเปญรณรงค์ไม่ก่อหนี้เกินตัว หวั่น ธปท.งัด DSR คุมหนี้ครัวเรือน “มีข้อจำกัด” เหตุบังคับใช้ได้แค่สถาบันการเงินในกำกับแบงก์ชาติ-ไม่ครอบคลุมลูกหนี้กลุ่มอาชีพอิสระ

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2562 นี้ ในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย. 62) บริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างเติบโต 15% ทำให้ยอดสินเชื่อคงค้างรวมอยู่ที่กว่า 45,000 ล้านบาท โดยฐานลูกค้าสินเชื่อมีมากกว่า 500,000 ราย ขณะที่ยอดเบี้ยประกันวินาศภัยขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ด้วยอัตราเติบโต 50% ในช่วง 9 เดือนแรก ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.2-1.3% เป็นระดับที่ควบคุมได้ และยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมสินเชื่อทะเบียนรถซึ่งอยู่ที่ 2.5-3.0% นอกจากนี้ บริษัทเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยปัจจุบันจำนวนสาขาอยู่ที่ 966 สาขา และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,000 สาขาในสิ้นปี 2562 นี้

“แนวโน้มข้างหน้าคาดว่าบริษัทจะยังสามารถคุม NPL ได้ไม่เกิน 1.5% ส่วนของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือ ยังคงสร้างมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อให้ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด รวมถึงการขยายสาขาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (market share) จากรายอื่น ๆ และคาดว่าทั้งปี 2562 จะสามารถเติบโตได้เป็นตัวเลขสองหลัก (double digit)”

ส่วนเรื่องเกณฑ์การคุมหนี้สินต่อรายได้ (DSR) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างเตรียมการนั้น นายปิยะศักดิ์กล่าวว่า เกณฑ์ดังกล่าวมีแนวคิดที่ดี อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการนำไปปฏิบัติจริง อาจมีข้อจำกัดตรงที่เกณฑ์สามารถกำกับได้เพียงผู้ประกอบการที่ขอใบอนุญาตกับ ธปท.เท่านั้น รวมถึงเกณฑ์ดังกล่าวอาจใช้ได้กับกลุ่มผู้มีรายได้ประจำ เช่น มนุษย์เงินเดือน เป็นต้น ซึ่งในประเทศไทยสัดส่วนของผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ที่ไม่ได้มีรายได้ประจำ มีสัดส่วนมากกว่า

“ในส่วนของเงินติดล้อ การปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า จะพิจารณาทั้งสัดส่วน DSR และหลักประกัน (LTV) ของลูกค้าประกอบกันในแต่ละกรณีไป ซึ่งในบางกรณีสัดส่วน DSR ของลูกค้าอาจเกิน 100%”

ทั้งนี้ บริษัทเงินติดล้อ จะมุ่งให้บริการแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีแหล่งรายได้ไม่แน่นอน อาทิ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น ที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ลูกค้าที่บริษัทได้สนับสนุนให้เข้าถึงสินเชื่อมีจำนวนมากกว่า 1,200,000 ราย

ทั้งนี้ ล่าสุด เงินติดล้อได้เปิดตัวแคมเปญสะกิดใจสังคม “คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้” เพื่อสื่อให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นจากการใช้จ่ายเกินตัว เนื่องจากในภาวะที่กระแสบริโภคนิยมมีความเข้มข้นมากขึ้น โดยมีสื่อสังคมออนไลน์เป็นตัวกระตุ้นและกดดันให้เกิดความต้องการซื้อสินค้าและบริการ มีร้านค้าออนไลน์ 24 ชั่วโมง ที่ทำให้ง่ายต่อการเลือกซื้อ มีระบบขนส่งดีลิเวอรี่ที่พร้อมจัดส่งสินค้าให้ทุกที่ และยังมีโปรโมชั่นผ่อนชำระสินค้า อีกทั้งบริการต่าง ๆ ที่เป็นตัวเร่งการตัดสินใจซื้อ

“การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่ก่อให้เกิดภาระหนี้ถือเป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการออม นำมาซึ่งปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว เงินติดล้อจึงขอเป็นหนึ่งเสียงแสดงความห่วงใยในประเด็นดังกล่าวผ่านแคมเปญ “หนี้หรือความสุข” ที่ต้องการสื่อให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นจากการใช้จ่ายเกินตัว เพียงเพื่อความสุขชั่ววูบจากการได้ทำตามกระแสสังคม” นายปิยะศักดิ์กล่าว