“คลัง” เผยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค ประจำเดือนตุลาคม 2562

แฟ้มภาพ

“ดัชนี RSI เดือนตุลาคม 2562 ชี้แนวโน้มอนาคตเศรษฐกิจที่ขยายตัว โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากภาคบริการและภาคการลงทุนเป็นปัจจัยสนับสนุน แต่ควรติดตามสถานการณ์ ด้านการลงทุนของ กทม. และปริมณฑล”

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โฆษกกระทรวงการคลัง นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนตุลาคม 2562 ว่า

“การประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดล่าสุด จากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (คาดการณ์ 6 เดือนข้างหน้า) ชี้แนวโน้มอนาคตเศรษฐกิจขยายตัว โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากภาคบริการและภาคการลงทุนเป็นปัจจัยสนับสนุน อย่างไรก็ดี ควรติดตามสถานการณ์ด้านการลงทุนของ กทม. และปริมณฑล”

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 69.2 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น โดยใน 6 เดือนข้างหน้า จะได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคบริการและภาคการลงทุน เนื่องจากเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น “ชิมช้อปใช้” “เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก” และ “ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย” คาดว่าจะส่งผลบวกต่อภาคการท่องเที่ยว และจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะสามารถดึงดูดนักลงทุนให้ตัดสินใจลงทุนเพิ่มมากขึ้น

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 69.1 สื่อถึงการคาดการณ์เศรษฐกิจที่จะขยายตัวโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงผลิตเพื่อส่งตามคำสั่งซื้อ ประกอบกับมีโครงการชิมช้อปใช้ทำให้เศรษฐกิจในจังหวัดขยายตัว

อย่างไรก็ตาม ควรเฝ้าระวังความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมในอนาคต สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้ อยู่ที่ 66.9 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคบริการและภาคการลงทุนเป็นหลัก โดยคาดว่าภาคบริการจะขยายตัวจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และการยกระดับมาตรฐานการบริการและมาตรฐานความปลอดภัยด้านต่างๆ ให้แก่นักท่องเที่ยว

รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในเชิงรุกเพื่อรองรับฤดูกาลท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น มาตรการ “ชิม ช้อป ใช้ เฟส 2” มาตรการ“100 เดียว เที่ยวทั่วไทย” และมาตรการ “วันธรรมดาราคาช็อคโลก”ส่วนภาคการลงทุน เนื่องจากผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนเพิ่มขึ้นหลังจากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน อาทิเช่น มาตรการโครงการสนับสนุน SMEs ของภาครัฐ ทั้งรายย่อยทั่วไป และ SMEs ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการเพื่อเสริมสภาพคล่องหรือลงทุนขยายกิจการ รวมถึงมาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกร

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 64.8 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากแนวโน้มของภาคอุตสาหกรรมและภาคการลงทุน โดยแนวโน้มธุรกิจภาคอุตสาหกรรมดีขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่มากขึ้น รวมทั้งผลจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐส่งผลดีต่อยอดขายและยอดคำสั่งซื้อของผู้ประกอบการ ประกอบกับมีนักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุน เช่น ในจังหวัดปราจีนบุรี ผู้ประกอบการของประเทศสิงคโปร์มาลงทุนเพื่อสร้างห้องเย็นสำหรับเก็บผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรต่างๆ เพื่อให้คงความสดจนถึงมือผู้บริโภค สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันตก เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 64.8 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคบริการและภาคเกษตรเป็นหลัก ในส่วนของภาคบริการ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวและมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของการเกษตร เนื่องจากการขยายตัวของผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ ข้าวนาปี มันสำปะหลัง สุกร น้ำนมดิบ และกุ้งขาวแวนนาไม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจากความต้องการของตลาดและ การบริโภคอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนภาคเกษตร

ทั้งนี้ สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลาง อยู่ในเกณฑ์ดีที่ระดับ 61.6 สื่อถึงการคาดการณ์เศรษฐกิจที่จะขยายตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคบริการและภาคการลงทุน จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 58.1 โดยควรติดตามสถานการณ์ด้านการลงทุน