ค่าเงินบาท​แข็งโป๊กหลุด​ 30.20 บาท/ดอลลาร์​ จับตาสภาสหรัฐ​ถอดถอน​ “ทรัมป์”

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้า​นักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า​ ค่าเงินบาท​เปิดเช้าวันนี้​ (1 พ.ย.)  ที่ระดับ 30.17 บาทต่อ​ดอลลาร์สหรัฐ​ แข็งค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 30.19 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​ โดย​กรอบค่าเงินบาทวันนี้อยู่​ที่​ 30.10-30.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​

สำหรับ​ในช่วงคืนที่ผ่านมา มีสองประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ผู้แทนระดับสูงของจีนออกมาแสดงความกังวลกับทิศทางการเจรจาการค้ากับสหรัฐในระยะยาว ขณะเดียวกันสภาสหรัฐก็มีมติยื่นเรื่องถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง ทั้งสองปัจจัยดังกล่าว กดดันให้ S&P500 ปรับตัวลงจากจะดับสูงสุด 0.3% ผลตอบแทน​พันธบัตร​ (บอนด์ยีลด์)​ สหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 8.8bps มาที่ระดับ 1.68% ส่งให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 1.1%

ฝั่งของนโยบายการเงิน ธนาคารกลางญี่ปุ่น “คง” ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% ตามที่ตลาดคาดไว้ ขณะที่ฝั่งไทย ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดล่าสุดก็เพิ่มขึ้น 3.53 พันล้านดอลลาร์จากการนำเข้าที่ชะลอตัว ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้สกุลเงินปลอดภัยฝั่งเอเชีย ทั้งเยนและบาทแข็งค่าต่อได้

นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งยุโรปและสหรัฐก็ไม่ได้ทำให้ตลาดเปลี่ยนมุมมอง ล่าสุดการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปไตรมาสที่สาม รายงานอยู่ที่ระดับ 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ในสหรัฐก็อยู่ในระดับต่ำที่ 2.18 แสนตำแหน่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ย้ำภาพตลาดแรงงานที่ตึงตัว

“ค่าเงินบาทหลุดระดับ 30.20 บาทต่อดอลลาร์ลงมา เนื่องจากไม่มีแรงซื้อดอลลาร์ช่วยหนุน นักลงทุนต่างประเทศซื้อบอนด์ ขายหุ้น หลังเฟดลดดอกเบี้ยตามคาด จึงแทบไม่มีแรงกดดันกับค่าเงินบาท​ ในวันนี้ ต้องระวังแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นของทองคำ และปริมาณความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่จะสูงขึ้น เพราะดอลลาร์โดนกดดันจากประเด็นถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง” ด​ร.จิติพล​กล่าว​

และว่า​ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังต้องระมัดระวังการรายงานตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐในคืนนี้ ถ้ายังอยู่ในเกณฑ์ดี (ขยายตัวเกินแสนตำแหน่ง) ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์ฟื้นตัวกลับขึ้นได้บ้างเช่นกัน