ดอลลาร์สหรัฐทรงตัว นักลงทุนรอความคืบหน้าสหรัฐ-จีนนัดเจรจาการค้า

แฟ้มภาพ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัว ขณะที่นักลงทุนรอความคืบหน้าสหรัฐ-จีนนัดเจรจาข้อตกลงการค้า

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (7/11) ที่ระดับ 30.30/31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันพุธ (6/11) ที่ระดับ 30.30/31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ขณะที่นักลงทุนยังรอความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งเมื่อคืนวาน (6/11) สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐรายหนึ่งระบุว่า การพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีน เพื่อลงนามในข้อตกลงการค้าช่วงแรกอาจเลื่อนออกไปเป็นเดือนธันวาคม จากเดิมที่มีการคาดการณ์จากนักงทุนว่าจะมีข้อตกลงเกิดขึ้นในเดือนนี้ (พฤศจิกายน) เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงต้องเจรจาการค้ากันต่อไป รวมทั้งหารือกันเกี่ยวกับการหาสถานที่ในการลงนามข้อตกลง

อย่างไรก็ตาม ระหว่างวัน (7/11) นายเกา เฟง โฆษกประจำกระทรวงการคลังของจีนได้แถลงกับสื่อว่า จีนและสหรัฐได้ทำการเจรจาที่จริงจัง และสร้างสรรค์และได้ทำการตกลงกันน่าจะทยอยถอนภาษีนำเข้าสินค้าของกันและกันออก โดยจะแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ช่วง ซึ่งนายแฟงยังไม่ได้แจ้งกำหนดการใด ๆ ออกมา นอกจากนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าในข้อตกลงทางการค้าระยะแรก สหรัฐจะประกาศยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 156,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำหนดการเดิมจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธันวาคม อย่างไรก็ดี เมื่อวาน (6/11) นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันได้ช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐเติบโต แต่ยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับเหตุการณ์ตื่นตระหนกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ในส่วนของประเทศไทย ระหว่างวัน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนตุลาคมปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 70.7 ลดลงจากเดือนกันยายน ที่ระดับ 72.2 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 65 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความเป็นห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.30-30.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.35/36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (7/11) ที่ระดับ 1.1067/68 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (6/11) ที่ระดับ 1.1088/90 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงสวนทางกับเงินดอลลาร์จากแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงหลังมีรายงานว่า ข้อตกลงทางการค้าช่วงแรกระหว่างสหรัฐและจีนอาจเลื่อนออกไปในเดือนธันวาคมจากเดิมที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าจะตกลงกันในเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้ระหว่างวันมีรายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี ในเดือนกันยายนออกมาปรับตัวลดลงร้อยละ 0.6 ซึ่งลดลงมากกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงร้อยละ 0.4 ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1053-1.1083 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1082/83 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (7/11) ที่ระดับ 108.86/88 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (6/11) ที่ระดับ 108.98/109.00 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนแข็งค่าจากแรงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังรายงานเลื่อนการตกลงทางการค้าช่วงแรกระหว่างจีนและสหรัฐ ไปในเดือนธันวาคมจากเดิมที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าจะตกลงกันในเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 108.64-109.12 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 109.06/07 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจ ในสัปดาห์นี้ได้แก่ การประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) (7/11), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (7/11), ดุลการค้าเยอรมนีประจำเดือนกันยายน (8/11), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือน พ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (8/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.30/-1.20 สตางค์/ดดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.40/+0.20 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ