ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้า ตลาดจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/11) ที่ระดับ 30.33/34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (12/11) ที่ระดับ 30.33/34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก ขณะที่จีนต้องการที่จะบรรลุข้อตกลงเป็นอย่างมาก ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวย้ำว่า เขาจะยอมรับข้อตกลงที่เป็นผลดีสำหรับสหรัฐและแรงงานสหรัฐเท่านั้น อย่างไรก็ดีในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Economic Club of New York ปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงการที่สหรัฐจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน หรือการที่เขาจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเพื่อลงนามในข้อตกลงการค้า รวมทั้งไม่ได้กล่าวว่าสหรัฐจะชะลอการเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) และยังได้กล่าวโจมตีจีนว่าเป็นประเทศที่เอาเปรียบสหรัฐ

ขณะเดียวกันตลาดจับตาคำแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันนี้ โดยนักลงทุนต่างก็คาดหวังว่า นายพาวเวลอาจจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ทั้งนี้ระว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.22-30.34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.23/25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในวันนี้ (13/11) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1012/14 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (12/11) ที่ระดับ 1.1028/32 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยเยอรมนีเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI ขั้นสุดท้ายเมื่อเทียบรายเดือนปรับตัวขึ้นตามตลาดคาดการณ์ที่ 0.1% ในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1008-1.1022 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1015/18 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนในวันนี้ (13/11) เปิดตลาดที่ระดับ 108.89/92 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (12/11) ที่ระดับ 109.18/21 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า ราคาค้าส่งของญี่ปุ่นปรับตัวลง 0.4% ในเดือน ต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากต้นทุนจากน้ำมันดิบที่ร่วงลง แม้ว่ามาตรการขึ้นภาษีอุปโภคบริโภค จะมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมาก็ตาม โดยราคาส่งออกลดลง 6.3% และราคานำเข้าลดลง 10.5% ทั้งนี้ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 108.88-109.10 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 109.02/04 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค. (13/11), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (14/11), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ต.ค. (14/11), สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) (14/11), ยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. (15/11), ราคานำเข้าและส่งออกเดือน ต.ค. (15/11), ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือน พ.ย. จากเฟดนิวยอร์ก (15/11), การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. (15/1), สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ก.ย. (15/11)

สำหรับอัตรา้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.5/-1.35 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ 0/+0.8 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ