ธ.ก.ส.ชูเกษตรอัจฉริยะแสนราย ผนึก3องค์กรปฏิวัติสินเชื่อใหม่

อภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ธ.ก.ส.ปฏิวัติองค์กร ปลุก-ปรับ-เปลี่ยน รับภารกิจใหม่ “ธนาคารเพื่อการเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกร” เรียกผู้อำนวยการ-ผู้จัดการสาขาทั่วประเทศประชุมด่วน สร้างสมาร์ทฟาร์มเมอร์แสนราย จับมือ ททท. กระทรวงอุตฯเตรียมเงินปล่อยกู้ลูกค้า-เกษตรอัจฉริยะ ปักหมุด 77 ชุมชน-วิสาหกิจเป้าหมาย 215 แห่ง เชื่อมธุรกิจการท่องเที่ยว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโมเดลการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกร โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า รัฐบาลมีเป้าหมายจะสร้าง smart farmer จำนวน 1 แสนราย ในปี 2563 ระยะแรกให้มีผู้นำการเปลี่ยนแปลง 50,000 ราย โดยจะมีการเชื่อมโยงเกษตรอาหาร-การท่องเที่ยว และเกษตรอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน ให้มีความร่วมมือที่ชัดเจนระหว่างรัฐบาล-ธ.ก.ส. และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้นโยบาย “ประชารัฐสร้างไทย” จะทำให้คนจนเหลือน้อยที่สุด

“ในการเดินทางไปชักจูงนักลงทุนที่เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดได้นำผู้จัดการ ธ.ก.ส.ร่วมคณะด้วย เพื่อศึกษาดูงานการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต การพัฒนาชุมชน นำกลับไปเป็น mission ใหม่ ให้เกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.สามารถเชื่อมโยงการค้า-การท่องเที่ยว เข้ากับการเกษตรแนวใหม่ หรือเกษตรอัจฉริยะ ให้ภารกิจของ ธ.ก.ส.เป็นธนาคารเพื่อการผลิตการเกษตรอย่างแท้จริง” นายสมคิดกล่าว

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยผลการดูงานด้านเกษตรอัจฉริยะ เชื่อมโยงพัฒนาการท่องเที่ยว และมาตรการแก้จน ทั้งที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และล่าสุดที่เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ว่าภารกิจใหม่ของ ธ.ก.ส.ไม่ใช่เรื่องเงินกู้ แต่ต้องเพิ่มผลผลิตของเกษตรกรให้ได้ โดยได้จับมือกับ ททท. และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อทำเป็นแพ็กเกจแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอุตสาหกรรม ดึงนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ชุมชนที่มีศักยภาพให้มากขึ้น

“จะมีการเชื่อมโยงลูกค้า ธ.ก.ส.ที่เป็น smart farmer เข้ากับวิสาหกิจชุมชนเพื่อดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าชุมชนมากขึ้น เรามีเป้าหมายชุมชนที่มีศักยภาพ 77 แห่ง วิสาหกิจชุมชนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมอีก 215 แห่ง การท่องเที่ยวมีเส้นทางท่องเที่ยวใน 55 เมืองรอง โดย ธ.ก.ส.จะนัดผู้อำนวยการระดับจังหวัดทั่วประเทศมารับมอบภารกิจเลือกชุมชนเป้าหมายภายในเดือนธันวาคมนี้ จากนั้นจะประชุมผู้จัดการทุกสาขาเพื่อเริ่มภารกิจให้ได้ภายในมีนาคมปีหน้า” ผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าว

นายอภิรมย์กล่าวถึงภารกิจใหม่ของ ธ.ก.ส.ด้วยว่า การแก้หนี้กับการแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งอันดับแรกต้องแก้หนี้ฉุกเฉินก่อนภายใต้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท จากนั้นจะแก้หนี้นอกระบบ ตามด้วยการให้สินเชื่อพัฒนาอาชีพ ซึ่งมีเป้าหมายคนจน 11.4 ล้านคน กลุ่มที่เป็นลูกค้า 2.9 ล้านคน

“ธ.ก.ส.จะปรับวิธีการผลิต ลดต้นทุน สร้างผลผลิตให้สูงขึ้น ตามแนวทางประชารัฐร่วมใจ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย จะทำเมนูการอบรมให้ตรงกับปัญหาและความต้องการของลูกค้า ขณะนี้ทุกสาขาจะมีพนักงาน 1 คน ทั่วประเทศกว่า 3,000 คน และจะเพิ่มอีกสาขาละ 1 คน ร่วมวิเคราะห์ความต้องการของชุมชน ขณะนี้กำลังดูว่างบประมาณปี 2563 มีเรื่องใดบ้างที่ตรงกัน ในการเติมเงินให้ชุมชน หากขาดเหลือก็ให้ใช้เงินกู้ของ ธ.ก.ส. ซึ่งได้เตรียมเม็ดเงินไว้แล้ว”

ผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวด้วยว่า ได้เจรจากับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อดึงบริษัทเอกชนร่วมลงทุนกับวิสาหกิจชุมชน, กิจการที่เป็น smart farmer และสหกรณ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายการพัฒนาศักยภาพ ไม่ว่าจะใส่ทุนอย่างเดียว หรือลงทุนเครื่องจักร จะได้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีได้ถึง 120%