ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวในกรอบแคบท่ามกลางความไม่แน่นอนในประเด็นการค้าจีน-สหรัฐ

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/11) ที่ระดับ 30.22/23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดในวันพุธ (13/11) ที่ระดับ 30.24/25 บาท/ดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ขณะที่นักลงทุนยังรอความชัดเจนในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งเมื่อคืนวาน (13/11) ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน หากสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน พร้อมกับกล่าวว่า เขาจะยอมรับข้อตกลงที่ดีสำหรับสหรัฐ และแรงงานสหรัฐ นอกจากนี้ นายทรัมป์ได้กล่าวว่า สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าระยะแรกแล้วโดยทางจีนได้ยินอมที่จะซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐ บนยอดเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของจีน เมื่อวานสำนักข่าว
วอลสตรีทเจอร์นอลได้รายงานว่า จีนยังคงระมัดระวังที่จะระบุยอดเงินและรายการสินค้าออกมาเป็นสัญญาที่ชัดเจน เนื่องจากรัฐบาลจีนพยายามจะหลีกเลี่ยงการทำข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ ที่จะให้สหรัฐได้เปรียบมากกว่าจีน และจีนต้องการความยืดหยุ่นทางนโยบายทางการค้าหากเกิดข้อพิพาทกับสหรัฐอีกในอนาคต

นอกจากนี้เมื่อวาน (13/11) นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรซ โดยระบุว่าเฟดไม่มีแนวโน้มจะปรับอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ ตราบใดที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงดำเนินไปตามแนวทางปัจจุบัน พร้อมกับย้ำว่าการที่เฟดได้ใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในปีนี้ ได้หนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาดเงินในเดือนกันยายน เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในตลาดหลังจากมีความผันผวนในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืน ท่ามกลางสภาพคล่องที่ตึงตัวนั้นถือเป็นการดำเนินการทางเทคนิค ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายทางการเงินของเฟดแต่อย่างใด ถึงแม้การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เฟดมีงบดุลสูงขึ้น 2.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.21-30.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.20/22 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/11) ที่ระดับ 1.1002/04 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (13/11) ที่ระดับ 1.1015/16 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงสวนทางกับเงินดอลลาร์จากแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงตามความกังวลที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนในประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตามระหว่างวัน (14/11) มีรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนีในเดือนตุลาคมออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเปรียบเทียบรายเดือนซึ่งเท่ากับระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อีกทั้งมีรายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรปในเดือนกันยายนออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับลดลงร้อยละ 0.2 ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0992-1.1015 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1001/02 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/11) ที่ระดับ 108.78/79 เยน/
ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (13/11) ที่ระดับ 108.90/91 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนแข็งค่าจากแรงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยขณะที่นักลงทุนมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประเด็นของข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 108.55-108.86 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 108.62/64 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจ ในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (14/11), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนตุลาคม (14/11), สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) (14/11), ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคม (15/11), ราคานำเข้าและส่งออกเดือนตุลาคม (15/11), ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพฤศจิกายน (15/11), สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนกันยายน (15/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.35/-1.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ 0.25/1.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ