สรรพสามิตเบรกภาษีความเค็ม เรียก ‘โลว์คอสต์’ ถกด่วน 20 พ.ย.นี้

พชร อนันตศิลป์

อธิบดีสรรพสามิตเรียก “โลว์คอสต์” ถกปมขอลดภาษีน้ำมัน 20 พ.ย.นี้ ยังไม่ฟันธงลดภาษีให้ หวั่นสร้างความเหลื่อมล้ำระบบขนส่งอื่น เผยล่าสุดแตะเบรกชะลอพิจารณาภาษีความเค็ม ชี้ต้องรอข้อสรุปมาตรฐานความเค็ม-เกรงซ้ำเติมผู้บริโภคช่วงเศรษฐกิจชะลอ โล่งอกเก็บรายได้สรรพสามิตเดือนแรกเข้าเป้า 5 หมื่นล้านบาท

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วันที่ 20 พ.ย.นี้ กรมได้เชิญผู้ประกอบการสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) ที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือถึง รมว.คลังขอให้พิจารณาลดภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นมาหารือ โดยจะนำข้อเท็จจริงต่าง ๆ มาพูดคุยกันเพื่อนำไปสู่การหาข้อสรุปร่วมกันต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับระบบขนส่งอื่น ๆ ของประเทศด้วย เพราะการจะลดภาษีให้เฉพาะกลุ่มคงทำไม่ได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันการเก็บภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น ที่ปัจจุบันอยู่ที่อัตรา 4.726 บาทต่อลิตรนั้น กรมมีรายได้เข้ามาแค่ราว 3,500 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น เมื่อเทียบกับภาษีน้ำมันในภาพรวมที่จัดเก็บอยู่ทั้งสิ้น 2.5 แสนล้านบาท ถือว่าสัดส่วนน้อยมาก แต่การที่ต้องปรับขึ้นภาษีเมื่อปี 2560 ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับระบบขนส่งอื่น

ส่วนการจัดเก็บภาษีความเค็มนั้น นายพชรกล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานความเค็มที่เหมาะสม ซึ่งต้องรอองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศค่ามาตรฐานโซเดียมรอบใหม่ออกมาก่อน จากปัจจุบันกำหนดมาตรฐานความเค็มที่ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน และต้องให้ทางกระทรวงสาธารณสุขประกาศออกมา ดังนั้น ช่วงนี้กรมจึงยังไม่สามารถเดินหน้าได้ ขณะเดียวกัน เนื่องจากขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจมีการชะลอตัว การจัดเก็บภาษีประเภทใหม่ก็อาจจะยังไม่เหมาะสมนัก

“เรื่องนี้คงไม่ได้รีบ เพราะมุมหนึ่งก็เป็นภาระผู้บริโภค เพียงแต่หากจัดเก็บภาษีก็เป็นการดูแลสุขภาพประชาชน แต่ไม่ได้อยู่ในไปป์ไลน์ที่จะต้องเร่ง เพราะหากยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องมาตรฐานความเค็ม
กรมก็ยังเดินหน้าต่อไม่ได้”

อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวด้วยว่า การจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตเดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ต.ค. 2562) ตัวเลขเบื้องต้น พบว่ากรมจัดเก็บได้กว่า 5.9 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งช่วงปลายปีนี้ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของภาษีบาป (สุรา เบียร์ ยาสูบ) ตามฤดูท่องเที่ยว จึงเชื่อว่าการจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตในไตรมาสแรก (ต.ค.-ธ.ค. 2562) จะทำได้ตามเป้าหมาย