สหรัฐผ่านร่างกฎหมายปกป้องสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง-เล็งเก็บภาษีจีนเพิ่ม 3 แสนล้าน กดดันทิศทางการลงทุนวันนี้

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันที่ 21 พ.ย.62 ว่า เรามีมุมมองเป็นลบ คาดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) อ่อนตัวลงทดสอบ 1,585 – 1,590 จุด ตามความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเฟสแรกภายในปีนี้จากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดของ 2 ประเทศ หลังทั้ง 2 สภาของสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายปกป้องสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง และมีโอกาสที่สหรัฐจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 15% รวม 3 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นลบต่อทิศทางลงทุนโดยรวม

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังกลุ่มกบฏฮูติในเยเมนกล่าวอ้างว่าสามารถยิงสกัดเครื่องบินขับไล่ของกองกำลังซาอุดีอาระเบียจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงานและดัชนีให้สลับรีบาวด์ช่วงอ่อนตัว

ด้านกลยุทธ์การลงทุน ยังคำแนะนำการเลือกลงทุนรายตัว (Selective Buy) ในกลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 4/62 จะยังคงเติบโตขึ้น ได้แก่ CPF, ERW, TASCO, EPG, SAWAD, MTC และ JMT หุ้นกลุ่มปลอดภัย (Defensive Stock) ได้แก่ AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC และ TTW รวมถึงหุ้นที่ได้รับการประบน้ำหนักเข้าคำนวณในดัชนี MSCI (MSCI Rebalance) ที่จะมีผล 26 พ.ย.62 ได้แก่ กลุ่มมาตรฐานโลก (Global Standard) เพิ่ม BGRIM, GPSC, OSP และ SAWAD ส่วนกลุ่มหุ้นเล็ก (Small Cap) เพิ่ม CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP และ TQM

ขณะที่หุ้นเด่น (Top Pick) แนะนำวันนี้ ได้แก่ BDMS (ราคาปิดที่ 24.00 บาท ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท) ราคาหุ้นยังปรับขึ้นไม่มาก (Laggard) หากเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน ขณะที่ภาพรวมผลกำไรไตรมาส 3 ไม่ได้แย่มากนัก โดยมีกำไรสุทธิ 2,890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) และ 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และแนวโน้มปี 2563 ยังเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจของ BDMS กำลังเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไรหลังจากผ่านพ้นช่วงลงทุนใหญ่ไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ แนะนำหุ้น SPA (ราคาปิดที่ 15.70 บาท ราคาเป้าหมาย 17.10 บาท) กำไรสุทธิไตรมาส 3 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% QoQ และ 35% YoY โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริการซึ่งได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาฟื้นตัว ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4 คาดเดินหน้าทำราคาสูงสุดใหม่ (All time high) เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว จากมาตรการชิมช้อปใช้ และการขยายฟรีวีซ่า (Visa on Arrival) ออกไปจนถึง 30 เม.ย.63 (เดิมหมดอายุ 31 ต.ค.62)