ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวในกรอบแคบ นักลงทุนจับตาดูประเด็นการค้าจีน-สหรัฐ

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (21/11) ที่ระดับ 30.20/21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดในวันพุธ (20/11) ที่ระดับ 30.18/19 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบขณะที่นักลงทุนยังรอความชัดเจนในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

โดยล่าสุดเมื่อวาน (21/11) วุฒิสภาสหรัฐได้ผ่านร่างกฎหมายสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการกำหนดให้ทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง ภายใต้กฎหมายของสหรัฐ ทุก 1 ปี โดยการทบทวนดังกล่าวจะพิจารณาถึงประเด็นที่ว่า ฮ่องกงได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างเพียงพอจากจีนหรือไม่ อีกทั้งร่างกฎหมายยังกำหนดให้มีการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบในการทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐานและการปกครองตนเองในฮ่องกง และประธานาธิบดีทรัมป์ สามารถลงนามผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างเร็วที่สุดได้ในคืนนี้ (21/11) ซึ่งนักลงทุนมีความกังวลว่าการอนุมัติและบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน โดยเฉพาะการทำข้อตกลงทางการค้าที่เป็นประเด็นอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้เมื่อวาน (21/11) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 29 ถึง 10 ตุลาคม โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และยังมองว่าความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่เป็นผลมาจากความตึงเครียดด้านการค้าและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์นั้น เริ่มลดน้อยลงในระดับหนึ่ง พร้อมกับได้มีการหารือเกี่ยวกับเครื่องมือต่าง ๆ ที่ควรเตรียมไว้หากเศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยในวันข้างหน้า โดยกรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า การเข้าซื้อพันธบัตร และการส่งสัญญาณให้ตลาดรับรู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตนั้นจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดทุกท่านไม่เห็นด้วยกับการลดอัตราดอกเบี้ยจนถึงระดับติดลบเหมือนกับที่ธนาคารกลางยุโรป และญี่ปุ่นได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.18-21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.19/20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (21/11) ที่ระดับ 1.1076/78 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (20/11) ที่ระดับ 1.1058/60 ดอลลาร์สหรัฐ โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตือนว่า ปัญหาท้าทายด้านเสถียรภาพทางการเงินของยูโรโซนนั้นยังคงดำเนินอยู่ จึงมีความจำเป็นที่ประเทศต่าง ๆ ต้องคอยเฝ้าระวัง และนำเครื่องมือลดความเสี่ยงเชิงระบบมาใช้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ECB เปิดเผยในรายงานทบทวนเสถียรภาพทางการเงิน (FSR) ว่าเมื่อพิจารณาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงและความเสี่ยงในเรื่องเศรษฐกิจขาลงของยูโรโซนแล้วพบว่า นักลงทุนยังมองหาการสร้างผลตอบแทนในสภาวะแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำอยู่ และขณะเดียวกันก็มีสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาหนี้สินและการลงทุนในที่มีความเสี่ยงมากเกินไป ซึ่ง ECB เตือนว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องจำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวังและตั้งเป้าดำเนินการเพื่อป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบให้รัดกุม ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1071-.1079 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1074/75 ดอลลาร์สหรัฐยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (21/11) ที่ระดับ 108.35/37 เยน/
ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (21/11) ที่ระดับ 108.40/42 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนแข็งค่าจากแรงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยขณะที่นักลงทุนมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประเด็นของข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 108.29-108.66 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 108.55/57 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ได้แก่ประชุมวันที่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (21/11), ยอดขายบ้านมือสองเดือน ต.ค. (21//), ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน ต.ค. จาก Conference Board (21/11), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการและภาคการผลิตขั้นต้นเดือน พ.ย. (22/11), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (22/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.35/-1.10 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.3/0.40 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ