ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ตลาดจับตาตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐ

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27/11) ที่ระดับ 30.22/23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (26/11) ที่ระดับ 30.20/21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่าจีนจะร่วมมือกับสหรัฐในการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียมกัน ซึ่งนางเคลลีแอนด์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่าสหรัฐและจีนกำลังใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก หลังจากเจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงของทั้งสองฝ่ายได้หารือกันทางโทรศัพท์ และตกลงที่จะดำเนินการเจรจาต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่แต่ละฝ่ายมีความกังวล และมีการบรรลุฉันทามติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางการค้าอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 5.7% สู่ระดับ 6.65 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ต.ค. โดยการส่งออกสินค้าลดลง 0.7% หลังจากลดลง 1.3% ในเดือน ก.ย. จากการส่งออกอาหารและรถยนต์ที่ปรับตัวลง ส่วนการนำเข้าสินค้าปรับตัวลง 2.4% หลังจากลดลง 2.1% ในเดือน ก.ย. โดยตลาดจับตาตัวเลข GDPไตรมาส 3 ของสหรัฐ ก่อนที่ตลาดการเงินสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

สำหรับปัจจัยในประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ต.ค. 62 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.45% มาอยู่ที่ระดับ 95.70 จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกและการค้าที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ดัชนี MPI ที่หดตัวลงมาจากอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์, น้ำมันปิโตรเลียม, เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน, ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ และการแปรรูป-ถนอมผักและผลไม้ เป็นต้น สำหรับแนวโน้มการขยายตัวของดัชนี MPI ในปี 63 คาดว่าจะฟื้นตัวมาเติบโต 2-3% ขณะที่ GDP ภาคอุตสาหกรรม จะเติบโต 1.5-2.5% จากปีนี้ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และนักลงทุนย้ายฐานการผลิตมาลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.21-30.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.23/24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในวันนี้ (27/11) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1018/19 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (26/11) ที่ระดับ 1.1013/16 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยผลการสำรวจโดยบริษัทวิจัย GfK ระบุว่า ดัชนีบ่งชี้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีสำหรับเดือน ธ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 9.7 จากระดับ 9.6 ในเดือน พ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.6 อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นยังคงถูกกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความไม่แน่นอนของการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1005-1.1024 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1006/09 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนในวันนี้ (27/11) เปิดตลาดที่ระดับ 109.13/15 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (26/11) ที่ระดับ 108.95/97 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินเยนอ่อนค่าหลังการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ใกล้ที่จะบรรลุผลสำเร็จแล้วบางส่วน ทั้งนี้ค่าเงิน
เยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 10.01-109.20 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 109.16/19
เยน/ดอลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562 (ประมาณการครั้งที่ 2) (27/11), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค. (27/11), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (27/11), สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) (27/11), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (27/11), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือน ต.ค.) (27/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.75/1.60 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -1-0.1 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ