CIMB ชูกองทุนลงทุนหุ้นใหญ่ในเวียดนาม

บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เข็นกองทุนลงทุนหุ้นเวียดนาม ชูกลยุทธ์ลงทุนรายตัวหุ้นขนาดใหญ่ 10-15 ตัว เฟ้นลงทุนหุ้นที่มีธุรกิจเติบโตดี-มีสภาพคล่อง จับกลุ่มลูกค้ารับผลตอบแทนสูง พร้อมรับเสี่ยงสูง คาดเปิดขายปลาย ก.ย. 2560 

นายวิน พรหมแพทย์ CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจัดตั้งกองทุนลงทุนหุ้นของประเทศเวียดนามโดยตรง ซึ่งจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยถือว่าเป็น บลจ.รายแรกในประเทศไทยที่ออกไปลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นเวียดนาม ส่วนกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนดังกล่าวจะคัดเลือกหุ้นที่มีขนาดใหญ่ ประมาณ 10-15 ตัว จากจำนวนหุ้นที่มีทั้งหมด 700 ตัว ในตลาดหุ้นเวียดนาม โดยจะเน้นหุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจเติบโตดี และมีสภาพคล่องที่ดีเป็นสำคัญ ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดขายกองทุนนี้ในช่วงปลาย ก.ย. 2560 นี้

“เราได้มีการทำพอร์ตจำลองในช่วง 1 ปี คือ ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 59-31 ส.ค. 60 ที่ผ่านมา มีผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 21% ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (VNI Index) ทำได้ที่ 16% เราเน้นลงทุนหุ้นรายตัวที่มีทิศทางเติบโตที่ดีแตกต่างกันไป เช่น อาจจะลงทุนในบริษัทนมยูเอชทีที่เป็นเจ้าตลาดของเวียดนาม หรือหุ้นบริษัทเครื่องทองที่ใช้เป็นของหมั้น มีการเติบโตสอดคล้องไปกับอัตราการแต่งงานของเวียดนาม ในระดับสูงที่ปีละ 50,000 คู่ (เฉลี่ยมูลค่าของหมั้น 500,000 บาท/คู่) หรือหุ้นบริษัทที่สร้างคอนโดฯจับตลาดระดับกลางลงล่าง สอดรับกับสถานการณ์ที่คนเวียดนามเข้ามาทำงานให้ตัวเมืองมากขึ้น” นายวินกล่าว

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นเวียดนามถือว่าเป็นความเสี่ยงสำหรับกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เช่น ความเสี่ยงสภาพคล่อง เพราะตัวหุ้นยังมีข้อจำกัดด้านสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติ ดังนั้น การจะซื้อหุ้นบางตัวต้องซื้อต่อจากผู้ลงทุนก่อนหน้า อาจจะทำให้มีค่าใช้จ่ายส่วนของพรีเมี่ยมค่อนข้างสูงตั้งแต่ 3-20% ดังนั้น ส่วนหนึ่งในกองทุนนี้จะมี ETF (Exchange Traded Fund) ที่ไม่ต้องเสียค่าพรีเมี่ยม นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเวียดนามมีจำนวนนักลงทุนรายย่อยเล่นซื้อขายทำกำไรสูง ขณะที่มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลของตลาดหุ้นเวียดนามยังไม่เท่ากับประเทศไทย เช่น การเปิดเผยข้อมูลจะไม่มีเอกสารภาษาอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม บริษัทเลือกจัดตั้งกองทุนลงทุนหุ้นเวียดนาม เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจประเทศนี้มีแนวโน้มเติบโตดี ทั้งจากปัจจัยบวกที่มีประชากรวัยแรงงานจำนวนมาก ทำให้เป็นสตอรี่โดดเด่นเรื่องการบริโภคในประเทศ ขณะที่ค่าแรงงานถูก รวมถึงมีการลงทุนเรื่องการศึกษาเพื่อพัฒนาแรงงาน ซึ่งจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุน ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทขนาดใหญ่เข้าไปลงทุนจำนวนมาก