คลังไฟเขียวรากหญ้าระดมทุน เปิดกระดานเทรดใหม่-คาดดีเดย์ปีหน้า

อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
คลังดีเดย์เปิดกระดานเทรดใหม่ รองรับธุรกิจฐานราก “ไมโครเอสเอ็มอี-สตาร์ตอัพ” ระดมทุนปีหน้า เร่งถก 4 หน่วยงาน “รัฐ-เอกชน” เตรียมพร้อมกฎ-ระเบียบ ชี้รูปแบบระดมทุนแตกต่างจากการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ “SET-mai”

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมการร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เพื่อเปิดกระดานซื้อขายหุ้นใหม่ ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มตลาดทุนใหม่สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ถือเป็นการยึดโยงระดับฐานรากให้มีแหล่งเงินทุนในการพัฒนาธุรกิจมากขึ้น โดยรูปแบบและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเปิดตัวภายในปี 2563

ทั้งนี้ คาดว่าปีหน้าจะเริ่มเปิดตัวแพลตฟอร์มก่อน จากนั้นจะมีทีมพิจารณาความพร้อม ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกระดานเทรดในตลาดหลักทรัพย์ แต่ลักษณะเงื่อนไขจะแตกต่างจากตลาดหลักทรัพย์ SET และตลาดหลักทรัพย์ mai เนื่องจากผู้ประกอบการรายเล็กยังมีความแข็งแกร่งไม่เท่าผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยจะออกแบบรูปแบบมาให้สอดรับกับสภาพความเป็นจริง และเดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ดี ยืนยันว่ากฎเกณฑ์สำหรับโครงการนี้ รูปแบบไม่เหมือนกับการจดทะเบียนใน SET และ mai แน่นอน โดยแนวทางของกระดานเทรดใหม่จะเป็นรูปแบบที่รัฐจะอบรมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะไมโครเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ จากนั้นจะนำกองทุนต่าง ๆ เข้ามาร่วมทุน หรือขยายช่องทางเพิ่มเติม ซึ่งแพลตฟอร์มลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วในหลายประเทศ เช่น จีน, สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ

นายอุตตมกล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยจะเข้มแข็งได้ต้องเข้มแข็งมาจากระดับฐานราก ฉะนั้น รัฐจึงต้องร่วมมือกับหลายฝ่ายพัฒนาชุมชนผ่านกลไก 3 สร้าง ซึ่งประกอบด้วย 1.การสร้างโอกาส สร้างองค์ความรู้ และสร้างอาชีพ 2.การสร้างตลาด เพื่อส่งเสริมชุมชน ต้องมีตลาดชัดเจน มีพื้นที่ค้าขาย ทั้งตลาดสถานที่ตั้งในชุมชน และตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างรายได้ในท้องถิ่น 3.การสร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐต้องเป็นสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาฐานราก ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ซึ่งรัฐบาลกำลังรุกหนักเพื่อให้ชุมชนเข้าถึงแหล่งทุนผ่านเครือข่ายประชารัฐ

นอกจากนี้ รัฐบาลต้องการดึงภาคเอกชนมาช่วยเหลือด้านการตลาดในรูปแบบประชารัฐสร้างไทย หากภาคี
เครือข่ายทุกฝ่ายร่วมกัน จะสร้างชุมชนเข้มแข็ง จึงได้ดึงปั๊มน้ำมัน ปตท.ร่วมเป็นจุดขายสินค้าชุมชน เพราะเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ และยังเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ถือว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองในพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนชุมชนพัฒนาโฮมสเตย์ สินค้าชุมชนด้วย ขณะที่กรมธนารักษ์ในสังกัดกระทรวงการคลังก็ได้นำที่ราชพัสดุมาช่วยจัดทำตลาด เพื่อให้กระจายไปทุกพื้นที่ เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว

“เชื่อว่าเมื่อทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาชุมชน นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศจะออกไปเที่ยวชุมชน และเกิดรายได้หมุนเวียนเข้าสู่เศรษฐกิจฐานราก” นายอุตตมกล่าว