ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (13 ธ.ค.) แข็งค่าที่ระดับ 30.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 30.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 30.12-30.22 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับประเด็นที่น่าสนใจที่สุดในคืนที่ผ่านมาคือการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ล่าสุดโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามในสัญญาการค้าเฟสหนึ่ง ยกเลิกกำแพงภาษีที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ (15 ธ.ค.) กับสินค้า 1.6 แสนล้านดอลลาร์ของจีน ส่งผลให้ตลาดการเงินรับข่าวในเชิงบวก ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 0.9% พร้อมกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นแต่ระดับ 1.94% (+15bps)
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ขณะที่ฝั่งยุโรป ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (ECB) ก็มีมติ “คงนโยบายการเงิน” ไว้ทั้งหมด และกระตุ้นความเชื่อมั่นว่าการจ้างงานในยุโรปจะยังขยายตัวได้ต่อในปีหน้า หนุนให้หุ้นยุโรป Euro Stoxx 600 ปรับตัวบวก 0.3% เงินยูโรแข็งค่า 0.5%
พร้อมกันนี้การเลือกตั้งในอังกฤษก็เริ่มนับคะแนน และผล exit poll ชี้ว่าพรรค Conservative ของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ได้คะแนนนำ เพิ่มความชัดเจนเรื่องการออกจากสหภาพยุโรป หนุนให้ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวขึ้น 0.8% และเงินปอนด์ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วมาที่ระดับ 1.35 ดอลลาร์ต่อปอนด์ หรือคิดเป็นการปรับตัวขึ้น 2.3% ในวันเดียว
ดร.จิติพลกล่าวว่า สำหรับฝั่งเงินบาท ปัจจัยทั้งหมดในคืนที่ผ่านมาถือว่าเป็นบวกกับสินทรัพย์เสี่ยง และน่าจะทำให้ตลาดเอเชียเข้าสู่โหมด Risk On ในวันนี้ ภาพดังกล่าวจะหนุนเงินบาทให้แข็งค่าได้ต่อเนื่องพร้อมกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ
“ประเด็นที่น่าติดตามต่อคือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 ธ.ค. โดยรวมตลาดมองว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยในครั้งนี้ ดังนั้น ถ้ามติออกมาว่ามีมุมมองเชิงลบกับเศรษฐกิจมาก และดอกเบี้ยยังลดลงต่อได้ ก็อาจจะหยุดการแข็งค่าของเงินบาทลง” ดร.จิติพลกล่าว