แบงก์กุมขมับรับโจทย์ยากปี’63 รับมือ 4 ปัจจัยเสี่ยงกดดันธุรกิจ

ขัตติยา อินทรวิชัย

แบงก์ชี้โจทย์ยากปี’63 “กสิกรไทย” ยก 4 ปัจจัยท้าทาย “เศรษฐกิจชะลอ-แย่งชิงบุคลากร-ภาวะแข่งขัน-หนี้เอ็นพีแอลสูง” ฟาก “เกียรตินาคินภัทร” ห่วงหนี้ครัวเรือนสูงกระทบการเติบโตสินเชื่อ “กรุงไทย” ทบทวนแผนธุรกิจทุกเดือน-ประคองลูกค้า-แก้หนี้เสีย

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปี 2563 ธุรกิจธนาคารมีโจทย์ท้าทายอยู่ 4 เรื่องหลัก คือ 1.เศรษฐกิจชะลอ ซึ่งเกิดขึ้นทั้งโลกใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอย (recession) ภายใต้สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ยังอึมครึมและยืดเยื้อ 2.บุคลากร ที่ธนาคารต้องการหาคนเก่งมาทำงานให้ได้มากขึ้น โดยต้องการผู้ที่มีความรู้ในทางด้านดิจิทัลแบงกิ้ง นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล (data scientist) สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล

3.การแข่งขันในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ถือว่าเป็นไปตามสภาวะ อย่างไรก็ดี ธนาคารไม่ได้มองว่าธนาคารด้วยกันเป็นคู่แข่ง แต่มองว่าธนาคารต้องรวมตัวกันเพื่อแข่งขันกับภายนอก เหมือนกรณีที่ธนาคารกสิกรไทยร่วมมือกับธนาคารออมสินทำเรื่องตู้เอทีเอ็มสีขาว เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน โดยจะเห็นว่าธุรกิจที่ไม่ได้เป็นธนาคารต้องการเป็นธนาคารเข้ามามากขึ้น เช่น กูเกิล หรือเฟซบุ๊ก ดังนั้น การรวมตัวของธนาคารพาณิชย์จะเป็นเรื่องที่ดีและแข็งแกร่งขึ้น และ 4.หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทุกธนาคารต้องเผชิญ ซึ่งต้องบริหารจัดการกันไป

“เรามองปัจจัยการเติบโตของธนาคารในปี 2563 แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงหรือท้าทายเข้ามา การเติบโตสินเชื่อยังเป็นไปตามกรอบที่ 4-6% เนื่องจากแบงก์ได้รวมปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ไว้แล้ว” นางสาวขัตติยากล่าว

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ปีหน้าโจทย์ที่ยากของธุรกิจแบงก์ คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะเป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตสินเชื่อ รวมถึงปัญหาคุณภาพสินเชื่อทั้งในส่วนของธุรกิจเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหาคุณภาพสินเชื่อของลูกค้าเหล่านี้มีความคืบหน้าน้อยและลำบากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพาเซ็กเตอร์เหล่านี้ค่อนข้างมาก ซึ่งจะกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจและเซ็กเตอร์อื่น ๆ

ส่วนการแข่งขันในธุรกิจแบงก์ถือเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญ ในปีหน้าแบงก์ต้องเปลี่ยนจากเครือข่ายธุรกิจแบบเดิมไปสู่เครือข่ายที่มีต้นทุนต่ำลงโดยใช้ดิจิทัล ขณะที่สิ่งที่จะเป็นแรงกดดันต่อผลประกอบการในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ คือ ต้นทุนจากผู้กำกับดูแล (regulator) ต้นทุนจากการบริหารความเสี่ยง (risk management) รวมถึงต้นทุนจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance) เป็นต้น

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2563 ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งธนาคารทบทวนแผนธุรกิจแบบเดือนต่อเดือน โดยธนาคารต้องประคองลูกค้าและธุรกิจให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และบริหารจัดการเอ็นพีแอลที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น