เทรนด์ราคาทองคำปีชวด “ฮั่วเซ่งเฮง” ชี้ราคายัง “ขาขึ้น”

สัมภาษณ์พิเศษ

ปี 2562 ที่ผ่านมา ราคาทองคำกลับสู่แนวโน้ม “ขาขึ้น” อีกครั้ง หลังซบเซามานานหลายปี ส่วนแนวโน้มปี 2563 จะเป็นอย่างไร ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” ได้โอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “ธนรัชต์ พสวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ผู้ค้าทองคำรายใหญ่รายหนึ่งของประเทศไทย ที่ได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้เข้ากับโลกยุคปัจจุบันมากขึ้น

“ธนรัชต์” เล่าว่า ปี 2562 เป็นปีที่ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 ปี ทำให้ปีนี้มีการส่งออกมากขึ้น จากทุกปีที่จะนำเข้ามากกว่า โดยปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันก็คือ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการลดดอกเบี้ยหลายครั้ง และความไม่แน่นอนของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งแม้ช่วงครึ่งปีหลังราคาทองคำจะมีการปรับลง แต่โดยรวมแล้วยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่

ปี’62 ธุรกิจทองโตทุกเซ็กเมนต์

ทั้งนี้ ปี 2562 ผลประกอบการของฮั่วเซ่งเฮงเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะทองคำรูปพรรณ จากการให้บริการซื้อขายทองคำและส่งแบบดีลิเวอรี่ (gold delivery) ส่วนการขายผ่านหน้าร้านยังทรงตัว โดยบริษัทเปิดให้บริการ gold delivery มาราว 2 ปี ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล

โดยกระแสการซื้อขายแบบใหม่ช่วยให้การซื้อขายทองคำเข้าถึงคนได้ง่ายขึ้น เช่น การซื้อขายทองคำผ่านไลน์ (LINE) และ LINE TODAY MONEY ซึ่งก็มียอดซื้อขายที่ดีต่อเนื่อง เนื่องจากสมัครง่ายแค่ถ่ายรูปบัตรประชาชนและสมุดบัญชีธนาคาร ก็สามารถออมทองกับฮั่วเซ่งเฮงได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นฤดูกาล เช่น วันพ่อ วันแม่ วันตรุษจีน ฯลฯ ซึ่งลูกค้าจะสั่งออนไลน์และส่งทางดีลิเวอรี่ค่อนข้างมาก

“ยอดขายทางดีลิเวอรี่เพิ่มขึ้นในอัตราตัวเลขสองหลัก จากยอดขายทั้งหมดถือว่าไม่เลวนัก ผ่านการรับออร์เดอร์ทางไลน์ (LINE) ที่จะมีเจ้าหน้าที่จัดส่งให้ ส่วนหน้าร้านยังทรงตัว เพียงแต่ได้รับอานิสงส์จากคนที่เดินทางมาเยาวราชได้สะดวกขึ้นผ่านรถไฟฟ้าใต้ดิน”

ทั้งนี้ ภาพรวม ผลประกอบการของฮั่วเซ่งเฮงในปี 2562 มีแนวโน้มสูงเติบโตได้อย่างน้อย 10% เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากปริมาณ (วอลุ่ม) การซื้อขายทองคำที่สูงขึ้น โดยระหว่างเที่ยงคืนถึงตี 2 เป็นช่วงเวลาที่มีวอลุ่มซื้อขายมากที่สุด หรือมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 15% ของวอลุ่มการซื้อขายทั้งหมด จากปีที่แล้วอยู่ที่ 10% เป็นผลจากที่ช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับช่วงเวลาแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ในอีกซีกโลกหนึ่ง

 

ปรับโปรดักต์รับมือ ศก.แผ่ว

สำหรับแผนธุรกิจปี 2563 “ธนรัชต์” บอกว่า ฮั่วเซ่งเฮงจะออกโปรดักต์ที่มีน้ำหนักน้อยลงกว่าเดิม เป็นทองคำแท่ง 1 กรัม หลังจากที่เคยออกทองคำแท่งหนัก 1 บาท ที่ลดจาก 5 บาท ซึ่งได้รับตอบรับดีมาแล้ว เนื่องจากปีนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจอาจยังไม่ดีมากนัก จึงต้องทำทองคำที่ชิ้นเล็กลงเพื่อให้ประชาชนซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งคนที่อยากซื้อทองคำเพื่อเก็บสะสมหรือเพื่อให้เป็นของขวัญในวาระต่าง ๆ ก็ยังสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ โดยสนนราคาประมาณ 1,600 บาทเศษ

“เราพยายามทำน้ำหนักทองคำให้เล็กลง แม้กระทั่งทองคำที่ขายอยู่หน้าร้านที่เรียกว่า “อ่วงป้อ” หรือทองจีนที่สมัยก่อนมีเพียงน้ำหนัก 2.50 บาท 5 บาท 10 บาท ปีนี้เราก็ออกไซซ์ที่เป็น 1 สลึงและ 2 สลึงออกมาด้วย สอดคล้องกับพฤติกรรมคนที่เดี๋ยวนี้มีคนรุ่นใหม่ที่ซื้อทองคำแท่งเพื่อลงทุน และจะซื้อชิ้นเล็กลงใส่เป็นเครื่องประดับ ซึ่งน่าจะเป็นผลจากแฟชั่นและความปลอดภัยด้วย”

 

ทองคำปีชวดยัง “ขาขึ้น”

“ธนรัชต์” ประเมินว่า แนวโน้มราคาทองคำปี 2563 นี้ ยังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้น โดยกรอบราคาเป้าหมายอยู่ที่ 1,400-1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาในประเทศอยู่ที่ 20,700-22,400 บาท/บาททองคำ มีปัจจัยหนุนมาจากความต้องการใช้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีทองคำเป็นส่วนประกอบ และการซื้อทองในช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังมีความเสี่ยง หลังเฟดยืนยันว่าจะไม่ลดดอกเบี้ยอีก

“ปีนี้ เราให้น้ำหนักกับปัจจัยสงครามการค้าเป็นหลัก แต่จะไม่ได้เรียกว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน เพราะจะเป็นสงครามการค้าระหว่างประเทศแทน หลังจากที่คุยกับจีนรู้เรื่อง สหรัฐก็หันไปทะเลาะกับสหภาพยุโรป (อียู) อาร์เจนตินา บราซิล ฯลฯ ก็ต้องคอยดูว่าเวลาที่เกิดปัญหาสิ่งที่ตามมาคืออะไร รวมถึงมีปัจจัยการเลือกตั้งสหรัฐด้วย และนโยบายของเฟดที่ออกมาพูดว่าจะไม่ลดดอกเบี้ย แต่ตลาดก็ยังคาดการณ์ว่าปีนี้เฟดจะลด 1 ครั้ง และเรื่องของอังกฤษที่จะออกจากอียูช่วงวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งยังต้องติดตาม”

นักลงทุนทองก็คงต้องติดตามสถานการณ์และประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย