อัตราเคลมมอ’ไซค์ส่อพุ่ง 8% บริษัทกลางเล็งขอเพิ่มเงินสมทบ

บริษัทกลางฯ หวั่นอัตราเคลมรถมอเตอร์ไซค์ปี’63 พุ่ง 5-8% ต่อเนื่องจากปี’62 เหตุไม่ได้ขึ้นค่าเบี้ยแม้รัฐปรับเพิ่มความคุ้มครอง ส่อขอปรับสัดส่วนเงินสมทบจากบริษัทประกันวินาศภัยเพิ่ม-เร่งศึกษาผลกระทบ-ประเมินผลรณรงค์ลดอุบัติเหตุ

นายนพดล สันติภากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปี 2563 นี้จะมีการปรับปรุงเพิ่มความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตของประกันภัยรถภาคสมัครใจขั้นต่ำเป็น 5 แสนบาท และประกันรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จากเดิม 3 แสนบาท ปรับเพิ่มเป็น 5 แสนบาท ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2563 เป็นต้นไป

นพดล สันติภากรณ์

อย่างไรก็ดี จากที่เบี้ยประกันภัยรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) ไม่ได้มีการปรับขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 300 บาทต่อปี จึงน่าจะส่งผลกระทบให้อัตราสินไหมทดแทน (ลอสเรโช) เพิ่มขึ้นทั้งระบบ

ก่อนนี้ในปี 2562 ที่ผ่านมา มีรถจักรยานยนต์ทำประกันภัยภาคบังคับ เกือบ 14.8 ล้านคัน หรือเกือบ 100% ของทั้งหมดกว่า 15 ล้านคัน คิดเป็นยอดเบี้ยรวมเกือบ 4,000 ล้านบาท โดยข้อมูลจนถึง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 62) มีการเคลมสินไหมแล้วเกือบ 5,000 ล้านบาท ซึ่งลอสเรโชพุ่งขึ้นถึง 125% จากปี 2561 ที่อยู่ที่ 123% ดังนั้น จึงคาดว่าตลอดทั้งปี 2562 จะเกิน 5,000 ล้านบาท เนื่องจากมีสินไหมที่กำลังรอจ่ายอีกบางส่วน รวมถึงช่วงเดือน ธ.ค.ของทุกปี เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด ซึ่งเดือน ธ.ค. 2561 เพียงเดือนเดียวจ่ายสินไหมไปกว่า 500-600 ล้านบาท

ขณะที่นายประสิทธิ์ คำเกิด รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทกลางฯ กล่าวว่า การปรับปรุงเพิ่มความคุ้มครองที่สูงขึ้น ประเมินไว้เบื้องต้นว่า อาจจะส่งผลกระทบให้ลอสเรโชรถจักรยานยนต์ขยับเพิ่มขึ้นมากกว่า 5-8% อย่างไรก็ตาม บริษัทกลางฯมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR ratio) อยู่ที่ 700% ซึ่งนอกจากเบี้ยรับที่บริษัทได้มาส่วนหนึ่งแล้ว ยังได้รับเงินสมทบจากบริษัทประกันวินาศภัยในอัตรา 12.25% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี เข้ามาช่วยชดเชยภาวะขาดทุนสำหรับการรับประกันรถจักรยานยนต์ด้วย ทั้งนี้ ยังไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่องแต่อย่างใด

“เรากำลังศึกษาว่าการปรับเพิ่มความคุ้มครอง ที่ส่งผลให้ลอสเรโชเพิ่มขึ้น ปริมาณเงินสมทบที่มีการเก็บในอัตรา 12.25% จะยังเพียงพอหรือไม่ เพราะประกันรถ พ.ร.บ.ต้องบริหารแบบไม่มีกำไรและไม่ขาดทุน โดยเรายังไม่ได้นำลอสเรโชของรถยนต์อื่นมารวมว่าลอสเรโชจริง ๆ เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ซึ่งต้องรอข้อมูลในทางบัญชีก่อนด้วย และอาจต้องดูว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร เนื่องจากแนวโน้มการปรับลดหรือเพิ่มวงเงินสมทบต้องใช้เวลา และมีข้อมูลสนับสนุนในการพิจารณา รวมถึงต้องดูผลมาตรการรณรงค์ลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในการดำเนินการควบคู่กันไปด้วย” นายประสิทธิ์กล่าว