โบรกฯเก็งดัชนีหุ้นปีหนูฟื้น “ทิสโก้” ลุ้น Q1 ทะลุ 1,600 จุด

โบรกฯเก็งเป้าดัชนีหุ้นไทยปี”63 ฟื้น “บล.ไทยพาณิชย์” ชี้มีโอกาสทดสอบ 1,800 จุด อานิสงส์จาก “สงครามการค้าสหรัฐกับจีนผ่อนคลายลง-เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัว” ฟาก “บล.ยูโอบีฯ” ให้มุมมองบวกต่อตลาดหุ้น 3 เดือนแรก ชู 3 ปัจจัยหนุน “บล.ทิสโก้” ชี้หุ้นไทยไตรมาส 1 สดใส-เป้าดัชนีที่ 1,600 จุด ปัจจัยบวกเพียบ

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการ ผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บล.ไทยพาณิชย์ประเมินเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET index) ปี 2563 ที่ 1,800 จุด กำไรต่อหุ้น (EPS) 110.00 บาท และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ 16.5 เท่า โดยคาดว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) จะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่มากขึ้นในปีนี้ หลังจากที่ปี 2562 เป็นการไหลออกค่อนข้างสูง โดยเฉพาะจากตลาดหุ้นไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะกลับมาฟื้นตัวได้ เนื่องจากมีฐานที่ต่ำจากปี 2562 โดยเฉพาะการส่งออก รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมาตรการออกมาดูแล เพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากขึ้น

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะผ่อนคลายลง โดยจะมีลงนามข้อตกลงทางการค้า เฟสแรก ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นผลบวกให้ราคาหุ้นวัฏจักรกลับมาฟื้นตัวได้ เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มธนาคาร ที่ปัจจุบันมูลค่าหุ้นอยู่ในระดับที่ไม่แพงมากนัก

“นโยบายการลงทุนภาครัฐน่าจะมีออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2563 รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศ จะเป็นอีกปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปีนี้สามารถเติบโตได้ราว 5-10% (EPS growth) จากปี 2562 ที่แทบจะไม่โตเลย ดังนั้นเราเลยคาดการณ์ว่า เป้าดัชนีปี 2563 จะอยู่ที่ 1,800 จุด” นายสุกิจกล่าว

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า SET index ปีนี้คาดอยู่ที่ 1,750 จุด โดย บล.ยูโอบีฯมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในช่วง 3 เดือนแรกของปี ซึ่งคาดว่าตลาดหุ้นจะได้รับปัจจัยหนุนจาก 1.การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก 2.การจัดสรรน้ำหนักการลงทุนใหม่ จากที่ปี 2562 นักลงทุนกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย จึงให้น้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยค่อนข้างสูง ซึ่งหลังทิศทางเศรษฐกิจมีพัฒนาการที่ดีขึ้น คาดว่านักลงทุนจะลดการถือสินทรัพย์ปลอดภัยลง และเริ่มจัดสรรการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ที่อิงกับการเติบโตมากขึ้น เช่น หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ และ 3.ความเสี่ยงโลกลดลงในหลายมิติ เช่น เศรษฐกิจถดถอย สงครามการค้า เบร็กซิต (Brexit) ฯลฯ

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปี 2563 คาดว่า EPS growth จะเติบโต 10.6% คิดเป็น EPS ที่ 102.00 บาท และมองเป้าดัชนีที่ 1,686 จุด บนค่า P/E ที่ 16.5 เท่า อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่แย่ที่สุดมองเป้าดัชนีมีความเสี่ยงอยู่ที่ 1,488 จุด บนค่า P/E 14.5 เท่า แม้ว่าจะมีหุ้นใหญ่เข้ามาซื้อขายในตลาดเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้กำไรรวมเติบโตขึ้น แต่ไม่ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นเติบโตขึ้นตาม

นอกจากนี้ ปัจจุบันค่า P/E ของตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับค่อนข้างแพงที่ 15.6-15.7 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ P/E อยู่ที่ 16 เท่า และตลาดหุ้นในเอเชีย P/E เฉลี่ยที่ 12 เท่า เท่านั้น ดังนั้น ความน่าสนใจลงทุนของตลาดหุ้นในสายตานักลงทุนต่างชาติอาจไม่สูงมาก

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า ปี 2562 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพียง 1% อยู่ในอันดับท้าย ๆ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลกที่ให้ผลตอบแทนราว 24% เนื่องจากกำไร บจ.ไทยหดตัวเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และมากกว่าที่คาดไว้

สำหรับในปี 2563 บล.ทิสโก้มีมุมมองตลาดหุ้นไทยแบบ “เชิงบวกอย่างระมัดระวัง” โดยคาดว่าในไตรมาส 1/2563 ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นและมีโอกาสทะลุ 1,600 จุดได้ จากปัจจัยบวกหลายประการ ทั้งประเด็นสหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงการค้า เฟส 1 และกระบวนการ Brexit น่าจะราบรื่น, อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกทรงตัว หลายแห่งเริ่มอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ, แนวโน้มราคาน้ำมันน่าจะสูงขึ้นในระยะสั้น และจากข้อมูลเชิงบวกทางสถิติ บ่งชี้ว่าไตรมาส 1 ของทุกปีนับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 6.2% ในทุก ๆ ปี เพราะนักลงทุนมักจะเข้าซื้อเพื่อหวังเงินปันผล และช่วงต้นปีนักลงทุนมักมองการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงกำไร บจ.ในแง่บวกเสมอ

“เมื่อพิจารณาถึง “earning yield gap” ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งที่นิยมใช้วัดความน่าสนใจของตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร พบว่าอยู่ในระดับที่ไม่แพงที่ประมาณ 3.2-3.3% เป็นระดับค่าเฉลี่ยในระยะยาว และหากผลประกอบการ บจ.ปีนี้ เป็นไปตามที่คาดว่าจะเติบโต 8% แล้ว จะยิ่งทำให้ราคาหุ้นในอนาคตปรับเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ เมื่ออิงจาก earning yield gap ที่ค่าเฉลี่ย 3.2% ตามข้างต้นแล้ว บล.ทิสโก้จึงมองว่าในปี 2563 มีโอกาสที่หุ้นไทยจะปรับขึ้นไปแตะระดับ 1,700 จุดได้อีกครั้ง” นายอภิชาติกล่าว