หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดภาคเช้า +1.57 จุด ดัชนี SET อยู่ที่ระดับ 1,581 จุด

แฟ้มภาพ

การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 ม.ค.63) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,581.21 จุด ปรับขึ้น +1.57 จุด หรือคิดเป็น +0.10% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 25,947 ล้านบาท โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,575.73-1,584.16 ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่

1. BAM มูลค่าซื้อขาย 1,505.98 ล้านบาท ราคาหุ้น +0.30 (+1.37%)
2. ADVANC มูลค่าซื้อขาย 1,223.66 ล้านบาท ราคาหุ้น -4.00 (-1.83%)
3. GPSC มูลค่าซื้อขาย 1,202.58 ล้านบาท ราคาหุ้น +0.75 (+0.82%)
4. KBANK มูลค่าซื้อขาย 1,171.77 ล้านบาท ราคาหุ้น -1.00 (-0.72%)
5. BEAUTY มูลค่าซื้อขาย 939.24 ล้านบาท ราคาหุ้น +0.04 (+1.63%)
6. CPF มูลค่าซื้อขาย 667.26 ล้านบาท ราคาหุ้น -0.25 (-0.85%)
7. CPALL มูลค่าซื้อขาย 662.77 ล้านบาท ราคาหุ้น +0.25 (+0.34%)
8. GULF มูลค่าซื้อขาย 658.15 ล้านบาท ราคาหุ้น +2.50 (+1.44%)
9. PTT มูลค่าซื้อขาย 598.26 ล้านบาท ราคาหุ้น -0.50 (-1.06%)
10. BGRIM มูลค่าซื้อขาย 578.11 ล้านบาท ราคาหุ้น +1.50 (+2.69%)

ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับขึ้น +0.90 จุด หรือ +0.08% อยู่ที่ 1,072.05 จุด ส่วนตลาด mai ปรับขึ้น +0.25 จุด หรือ +0.08% อยู่ที่ระดับ 304.03 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันที่ 10 ม.ค.63 ว่า ตลาดวันนี้น่าจะขยับบวกได้อีกเล็กน้อย ประเมินไว้แถวบริเวณ 1,585 จุด เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศยังค่อนข้างผ่อนคลาย ทั้งเรื่องสหรัฐและอิหร่าน และการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ล่าสุดทางจีนจะบินไปสหรัฐในสัปดาห์หน้า และก็ทางสภาล่างสหรัฐเองก็มีการผ่านญัตติที่จะจำกัดหรือควบคุมอำนาจของทรัมป์ ในการที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารกับอิหร่าน เพราะฉะนั้นภาพรวมต่างประเทศยังผ่อนคลาย ส่วนปัจจัยในประเทศเรื่องเกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณปี 63 ถือว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร น่าจะผ่านได้ในวันนี้ จึงทำให้ตลาดน่าจะขยับบวกได้อีกเล็กน้อย

ส่วนกลยุทธ์ลงทุนแนะนำหุ้นปันผลสูงที่ยังถือต่อได้ต่อเนื่อง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงรีบาวด์ของตลาด ไปมองบริเวณแนวต้านแถวบริเวณ 1,600 จุด (+-) อาจจะเป็นจังหวะในการทำกำไรระยะสั้นสำหรับกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาก เช่น พลังงาน, อิเล็กทรอนิกส์

สัปดาห์หน้า (13-17 ม.ค.63) ต้องติดตามการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และติดตามสถานการณ์สหรัฐและอิหร่านอย่างใกล้ชิด