“CIMBT” หนุนธุรกิจบุกอาเซียน “รวมกิจการ”

แบงก์ “ซีไอเอ็มบี ไทย” หนุนลูกค้า “รายใหญ่-กลาง” บุกตลาดอาเซียน ปีนี้ตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่โต 20% เผยเทรนด์ควบรวมกิจการมาแรง ทั้งในเซ็กเตอร์ “รีเทล-พลังงาน-สินค้าอุปโภคบริโภค” ชี้เริ่มเห็นสัญญาณลูกค้ารายกลางขยับลงทุน CLMV เพิ่ม-ธุรกรรมพุ่ง 50%

นายพรชัย ปัทมินทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บรรษัทธุรกิจและวาณิชธนกิจ ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปี 2563 นี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตที่ 20% โดยยังคงมุ่งเน้นการสนับสนุนลูกค้ารายใหญ่ออกไปลงทุนในตลาดอาเซียน และการขยายธุรกิจในไทย โดยกลยุทธ์จะเน้นการสร้างความแตกต่างและจุดแข็งของเครือข่ายต่างประเทศที่มีอยู่ ซึ่งแบงก์มีทีมงานท้องถิ่นในแต่ละประเทศที่จะมีความเชี่ยวชาญในตลาดเฉพาะ คอยแนะนำลูกค้า ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เฉพาะในไทย น่าจะโตได้ 10-15%

“อุตสาหกรรมที่ยังมีแนวโน้มการลงทุนต่อเนื่อง เป็นกลุ่มเซ็กเตอร์อาหารและเครื่องดื่ม พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน สุขภาพและความงาม เป็นต้น โดยมีทั้งลงทุนใหม่ และการขยายกิจการผ่านการควบรวม (M&A) ซึ่งในปีนี้จะเห็นดีล M&A มาแรง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็วขึ้น เพราะทุกวันนี้คนไม่เดินเข้าร้านซื้อของ แต่ทุกอย่างอยู่บนมือถือ ดังนั้นโมเดลธุรกิจแบบเดิมจะไม่เวิร์ก หรือไม่โต ซึ่งแนวโน้มบริษัทที่ใหญ่อยู่แล้วก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเกมเงินต่อเงิน”

ทั้งนี้ แนวโน้มธุรกิจไทยที่ขยายการลงทุนในต่างประเทศในปีนี้ยังมีอยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยเม็ดเงินการลงทุนจะเติบโต 30-40% ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตลาดอาเซียนที่มีปริมาณธุรกรรมโตราว 20% โดยจะเป็นเซ็กเตอร์ธุรกิจรายย่อย (รีเทล) พลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น

นอกจากนี้ ปัจจุบันเริ่มพบว่าลูกค้ารายกลางมีแนวโน้มการออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะใน CLMV ที่มีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนการลงทุนในตลาดอาเซียนของรายกลางยังไม่ค่อยสูง ซึ่งตลาดอาเซียนจะเห็นการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เป็นหลัก ส่วนมาเลเซียมีบ้างแต่ไม่มากนัก โดยจะเป็นการลงทุนในธุรกิจรีเทล โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน เป็นต้น

“คนไทยไปลงทุนกัมพูชากันมาก เพราะคนกัมพูชามองสินค้าไทยน่าเชื่อถือ ตลาดกัมพูชาจึงค่อนข้างโตดี ซึ่งเราเห็นบริษัทขนาดกลางทยอยออกไปขยายธุรกิจที่นั่นมากขึ้น จากเดิมจะมีแต่ลูกค้ารายใหญ่ ส่วนกลุ่มที่ลงทุนอยู่แล้ว ธุรกิจก็ยังไปได้ดี โดย 8 ใน 10 บริษัทที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศยังมีอัตราการเติบโตแข็งแกร่ง แม้ว่าภาพรวมการแข่งขันจะมีมากขึ้น แต่มองว่าเป็นเรื่องปกติของการแข่งขันที่มีอยู่ในทุกตลาด”