ธอส.อุ้มลูกหนี้ราชการหมื่นราย อัด9หมื่นล้านหนุนคนรายได้น้อยกู้ซื้อบ้าน

ธอส.เด้งรับนโยบาย “สมคิด” ออกมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการ 1 หมื่นราย ลดเงินงวดให้ผ่อนแค่ 50% พร้อมหั่นดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน ชงบอร์ด 28 ม.ค.นี้ พร้อมหนุนสินเชื่อ 9 หมื่นล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้คนรายได้น้อย-ปานกลางเข้าถึงที่อยู่อาศัย

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.จะมีมาตรการการปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการ วงเงินรวม 8,300 ล้านบาท เป้าหมายราว 1 หมื่นราย ซึ่งแนวทางเบื้องต้นจะให้ข้าราชการหรือบุคลากรภาครัฐที่เป็นทั้งผู้กู้ หรือผู้กู้ร่วม ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารผ่อนชำระหนี้ เพียงงวดละ 50% ของเงินงวดตามสัญญา โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน ซึ่งธนาคารจะติดตามผลการชำระเงิน 3 เดือน ก่อนพิจารณาจัดชั้นหนี้เป็นปกติ ส่วนเงินงวดที่ชำระตามมาตรการนี้จะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด ซึ่งจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ในวันที่ 28 ม.ค.นี้

นอกจากนี้ ธอส.ยังเตรียมวงเงินอีก 9 หมื่นล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ให้ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางมีที่อยู่อาศัยด้วย ใน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการบ้าน ธอส. สานรัก ปี 2563 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ปล่อยให้ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 3.5 หมื่นบาทต่อเดือน ที่ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก เฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 3.5%

2.โครงการสินเชื่อบ้าน Dream Homes by GHB วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท สำหรับผู้ที่มีรายได้เกิน 3.5 หมื่นบาทต่อเดือน ที่กู้ซื้อบ้านราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก และในเดือน 37-42 จะคิดอัตราดอกเบี้ย 0% เพื่อทำให้ดอกเบี้ยเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 3.75%

และ 3.การออกสลากออมทรัพย์ ธอส. รุ่นที่ 3 ชุดพิมานมาศ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้มาปล่อยสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ 2.6-2.77% โดยจำหน่ายหน่วยละ 5 หมื่นบาท รวม 1 ล้านหน่วย

“ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อทั้ง 3 โครงการนี้ให้หมดภายในครึ่งปี 2563 และตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวมในปี 2563 ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.09 แสนล้านบาท” นายฉัตรชัยกล่าว

ทั้งนี้ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้เดินทางไปมอบนโยบาย ธอส. ให้ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เพิ่มขึ้นในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว พร้อมมอบหมายให้ ธอส.ดำเนินการ 3 ภารกิจ 1.ช่วยเหลือให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม 2.ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการจัดทำมาตรการใหม่ พร้อมกับติดตามขยายผลมาตรการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และ 3.นำฐานข้อมูลลูกค้า และเทคโนโลยีของธนาคารมาเชื่อมต่อกับข้อมูลของรัฐบาล เพื่อพิจารณามาตรการเพิ่มเติม