“ไพบูลย์” เข็นงาน FETCO หนุนรัฐยกระดับตลาดทุนไทย

ไพบูลย์ นลินทรางกูร

หลังหวนกลับมารับตำแหน่งประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) อีกครั้งกลางปี”61 “ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ก็เดินหน้าผลักดันภารกิจต่าง ๆ อย่างแข็งขัน ในฐานะหัวหอกเอกชนตลาดทุนไทย ซึ่งล่าสุดได้แถลงถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 2563 ก่อนจะครบวาระดำรงตำแหน่งในช่วงกลางปีนี้

พิษไวรัสโคโรน่าทุบหุ้น-ศก.ไทย

โดย “ไพบูลย์” กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ โดยเฉพาะปัจจัยลบล่าสุดอย่างการระบาดของไวรัสโคโรน่า ที่ฉุดหุ้นไทยเป็นตัวแดงในหลายเซ็กเตอร์ ว่า ช่วงไวรัสโคโรน่าเริ่มต้นระบาด ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกและขายหุ้นทิ้ง (panic selling) ออกมาจำนวนมาก เนื่องจากประเทศไทยมีธุรกิจท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งการท่องเที่ยวคิดเป็น 11% ของ GDP ในปี”62 และนักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนสูงถึง 30% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทั้งหมด จึงเกิดแรงขายหุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการบินและโรงแรม โดยคาดว่าในไตรมาส 1/63 รายได้ของธุรกิจเหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะลดลง

“หากรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวลดลง 10% จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจไทยราว 1% โดยประเมินว่าผลกระทบจากกรณีไวรัสโคโรน่าจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยปี”63 มีความเสี่ยงจะโตต่ำ 3%”

แนะนักลงทุนถือหุ้นปลอดภัย

“ไพบูลย์” มองว่า ผลกระทบดังกล่าว อาจจะกระทบเพียงระยะสั้น เนื่องจากที่ผ่านมาในอดีตพบว่า การระบาดของไวรัสจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นประมาณ 1 ไตรมาสเท่านั้น เมื่อสถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น ก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นกลับมาเคลื่อนไหวได้ปกติ

“คำแนะนำการลงทุนตอนนี้ ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับลดลงก็เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นราคาถูก โดยแนะนำให้นักลงทุนถือหุ้นกลุ่มปลอดภัย (defensive) เช่น กองรีท (REIT) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และหุ้นที่ให้ปันผลดีสม่ำเสมอ”

ดัน กม.หนุนเพิ่มฐานนักลงทุน

ส่วนการผลักดันงาน FETCO ในปี”63 นี้ “ไพบูลย์” บอกว่า จะอยู่ภายใต้ 9 แผนงานหลัก ได้แก่ 1.ขยายฐานนักลงทุนในตลาดทุนไทย เพราะจำนวนนักลงทุน ทั้งทางตรง (ซื้อขายหุ้น) และทางอ้อม (ซื้อขายกองทุน) ปัจจุบันยังมีค่อนข้างน้อย คือยังมีไม่ถึง 3 ล้านราย จากที่เคยคาดว่าจะมี 5-6 ล้านราย โดยจะผลักดันขยายฐานผ่านการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.), ร่าง พ.ร.บ.ทรัสต์, ร่าง พ.ร.บ.มหาชน สมาคมการค้า และการโปรโมตการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ซึ่งหวังเพิ่มฐานนักลงทุนปีละ 1 ล้านราย

2.โครงการตลาดทุนพบภาครัฐ ร่วมกับกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์ (investor relations) แก่นักลงทุนเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของประเทศ โดยโครงการ จะเปิดตัว ในวันที่ 20 ก.พ.นี้

“FETCO จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดโรดโชว์ของภาครัฐในต่างประเทศด้วย เพื่อขยายฐานนักลงทุนต่างชาติที่เป็นนักลงทุนระยะยาวให้เพิ่มมากขึ้น โดย 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้โรดโชว์ที่ฮ่องกงไปแล้ว ซึ่งก็ได้ฐานนักลงทุนระยะยาวเข้ามาราว 40 ราย เม็ดเงินภายใต้การบริหารรวม 20 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ การโรดโชว์ร่วมกับภาครัฐในอนาคต ก็มีประเทศที่สนใจ ได้แก่ สิงคโปร์ อังกฤษ (ลอนดอน) สหรัฐ (นิวยอร์ก) และญี่ปุ่น (โตเกียว)”

3.สนับสนุน SMEs และ startups ให้เข้าถึงตลาดทุน โดยรูปแบบการระดมทุนจะมีกฎเกณฑ์แตกต่างไปจาก SET และ mai โดยจะจำกัดประเภทนักลงทุนที่สามารถเข้าระดมทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยงกับนักลงทุนรายย่อย ขณะที่ช่องทางการระดมทุน จะทำผ่านแพลตฟอร์มระดมทุนสาธารณะ (crowdfunding) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีแนวคิดที่จะยกระดับแพลตฟอร์ม “LiVE” ขึ้นมา ส่วน FETCO อยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อหาแนวทางให้นักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุน สามารถเข้ามาลงทุนในธุรกิจประเภทดังกล่าวได้

4.สนับสนุนการจัดทำโครงการสร้างและพัฒนาบุคลากรรองรับภาคตลาดทุน เนื่องจากบุคลากรในตลาดทุนยังคลาดแคลน เช่น นักวิเคราะห์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 300 ราย ไม่เพียงพอกับการวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่เข้ามาจดทะเบียนใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งจะยื่นขอทุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) 5.สนับสนุน capital market digi-tal roadmap ซึ่งเกี่ยวกับการลงทุนในเทคโนโลยี distributed ledger technology (DLT) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับการทำธุรกรรมของตลาดทุนในมาอยู่บนช่องทางดิจิทัล

6.ผลักดันความร่วมมือภาคตลาดทุนเพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ (ESG collective supporting) 7.สนับสนุนการพัฒนาทักษะทางการเงิน (financial literacy) 8.เสนอความคิดเห็นและให้คำปรึกษาต่อภาครัฐเพื่อพัฒนาตลาดทุนไทย และ 9.ติดตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยและแผนงานภาคตลาดทุน โดยแผนฉบับล่าสุด จะครบกำหนดในปี 2564 ดังนั้น จะมีการทบทวนและนำเสนอประเด็นใหม่ ๆ เช่น ดิจิทัล และ ESG ในการประชุมของคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยในวันที่ 30 ม.ค.นี้

ทั้งหมดนี้ ประธาน FETCO คาดว่าเร่งผลักดันได้ลุล่วงเกือบทุกข้อ เว้นแต่บางข้อที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย และการของบประมาณจากกองทุน CMDF ที่อาจจะต้องใช้เวลา