ประกันขี่กระแส “ไวรัสอู่ฮั่น-PM2.5” แห่ออกกรมธรรม์ราคาถูก

ลำดับเหตุการณ์ การระบาดของไวรัสโคโรน่า

ตั้งแต่ต้นปี 2563 มานี้ คนไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ส่งผลต่อสุขภาพกันค่อนข้างมาก ตั้งแต่สภาพอากาศที่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มาจนถึงการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โคโรน่า 2019” หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” ทำให้หลายคนเริ่มมองหาสิ่งที่จะมาคุ้มครอง ดูแล หรือป้องกันสุขภาพของตัวเอง เพราะลำพังรอการแก้ปัญหาจากทางการก็คงไม่เพียงพอ

อย่างเรื่องการทำประกันภัย ก็อยู่ในความสนใจของหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทราบถึงขอบเขตความคุ้มครองของประกันสุขภาพที่ทำไว้แล้ว

ล่าสุด “ดร.อัญชลิน พรรณนิภา” ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด (TQM) เปิดเผยว่า ทีคิวเอ็ม และ บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) ได้ร่วมมือกันพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัย ภายใต้ชื่อ “ประกันภัย ไวรัสโคโรนา” เพื่อให้ความคุ้มครองคนไทย รับมือหากเกิดกรณีติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของไทยที่มีการออกผลิตภัณฑ์ “ประกันภัย ไวรัสโคโรนา” ที่ให้ความคุ้มครองกรณีติดเชื้อไวรัสโคโรน่าโดยเฉพาะ

“ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน” กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บมจ.กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่า บริษัทได้มีการออกแบบความคุ้มครองเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพคนไทย โดยกรมธรรม์ประกันภัยไวรัสโคโรน่าเป็นกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและสุขภาพแบบเฉพาะโรค (เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019) ในคอนเซ็ปต์ “เจอ จ่าย จบ” ให้ความคุ้มครองทันที 50,000 บาท

“ผู้สนใจสามารถทำประกันนี้ได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสุขภาพ ด้วยเบี้ยประกันที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้เพียง 299 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี” ดร.อภิสิทธิ์กล่าว

ขณะที่ “สมพร สืบถวิลกุล” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกกรมธรรม์ “ประกันไวรัสโคโรนา” ที่จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยในระยะสุดท้ายจากการติดเซื้อไวรัสโคโรน่า โดยสามารถซื้อทุนประกันภัยได้สูงสุดถึง 1 ล้านบาท พร้อมค่ารักษาพยาบาลสูงสุดถึง 100,000 บาท เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียงปีละ 150 บาท (เบี้ยราคาเท่ากันทุกช่วงอายุ) (ความคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์) สามารถซื้อกรมธรรม์เพื่อรับความคุ้มครองได้

โดยก่อนหน้านี้ บมจ.ทิพยประกันภัย ก็เพิ่งออกกรมธรรม์ “ประกันภัยโรคร้ายแรงจาก PM 2.5” ไป ซึ่งเบี้ยจะมีราคาถูก เริ่มต้นเพียง 216 บาทต่อปี (เบี้ยเปลี่ยนแปลงตามอายุ) ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 200,000 บาท สามารถทำประกันได้ตั้งแต่อายุ 20-60 ปี

“กรมธรรม์ดังกล่าวจะให้ความคุ้มครองโรคร้ายที่อาจเกิดจาก PM 2.5 หรือจากสาเหตุอื่น ๆ พร้อมชดเชยง่าย ๆ แบบเจอปุ๊บจ่ายปั๊บ อาทิ โรคหลอดเลือดในสมอง, โรคมะเร็งปอด, โรคปอดอุดตันเรื้อรัง และโรคหัวใจขาดเลือด (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)” นายสมพรกล่าว

“นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์” กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต บอกว่า กรมธรรม์ประกันชีวิตและ/หรือสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ OCEAN LIFE ไทยสมุทรฯที่ลูกค้าถือครองอยู่แล้ว ได้รับความคุ้มครองครอบคลุมถึงกรณีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ตามจำนวนผลประโยชน์ที่กำหนดไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย

“เกรียงศักดิ์ โพธิเกษม” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.วิริยะประกันภัย กล่าวว่า บริษัทพยายามสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียกับลูกค้า ที่หากมีข้อสงสัยหรือสอบถามเข้ามา ก็จะแจ้งว่ากรมธรรม์เดิมมีความคุ้มครองทั้งฝุ่น PM 2.5 และไวรัสโคโรน่าอยู่แล้ว หรือแม้จะเป็นไวรัสที่จะเพิ่มขึ้นมาใหม่ก็ตาม เนื่องจากเงื่อนไขกรมธรรม์คุ้มครองการเจ็บป่วย จึงไม่ต้องเป็นกังวลว่าบริษัทจะปฏิเสธความคุ้มครอง

“อามัน โชวลา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต กล่าวว่า กรณีผู้เอาประกันที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพของบริษัท หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากติดเชื้อโรคไวรัสโคโรน่าภายในวันที่ 31 มี.ค. 2563 บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยรายวัน วันละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 15 วัน เพิ่มเติมจากผลประโยชน์ที่ผู้เอาประกันได้รับตามกำหนดในตารางกรมธรรม์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังรวมถึงผู้ขอเอาประกันชีวิตที่สมัครทำประกันชีวิตใหม่ และซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพที่บริษัทอนุมัติกรมธรรม์ภายในวันที่ 29 ก.พ. 2563

“สาระ ล่ำซำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) กล่าวว่า ปี 2563 นี้ธุรกิจประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) ของบริษัท คาดว่าจะเติบโตสูงถึง 99% จากปีก่อนที่เติบโต 11% เนื่องจากประกันสุขภาพจะได้รับการตอบรับที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า

ขณะที่ “ปราโมทย์ ศักดิ์กำจร” รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ประกันสุขภาพในปัจจุบันจะครอบคลุมการคุ้มครองฝุ่นพิษ PM 2.5 และไวรัสโคโรน่าอยู่แล้ว ซึ่งผู้บริโภคที่มีการเอาประกันอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องซื้อกรมธรรม์ใหม่ อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันก็อาจมีบริษัทประกันที่ใช้จังหวะช่วงนี้ทำการตลาด (มาร์เก็ตติ้งเกม) เนื่องจากตลาดกำลังให้ความสนใจและสามารถกระตุ้นยอดขายได้

“ปีนี้เชื่อว่าคนจะตื่นตัวเรื่องประกันสุขภาพ หลังจากปีที่แล้วก็เห็นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประเมินว่าประกันสุขภาพจะมีโอกาสเติบโตสูงขึ้นจนอาจโตแตะ 10% กว่า ๆ ได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นบริษัทก็ตั้งเป้าพอร์ตประกันสุขภาพต้องโตเป็นตัวเลข 2 หลักเช่นกัน” นายปราโมทย์กล่าว

ดูแล้วปีนี้ จะเป็น “ปีทอง” ของธุรกิจประกันสุขภาพอย่างแน่นอน