KKP ลุยรถยนต์-เอสเอ็มอีปล่อยกู้โต 7-9% เร่งคุมหนี้เสีย 3.9%

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ตั้งเป้าโตสินเชื่อรวม 7-9% เน้นกระจายพอร์ตโต-คุมหนี้เสียไม่เกิน 3.9% รุกบริการ-เพิ่มโปรดักต์เสิร์ฟ์ลูกค้ามั่งคั่ง มั่นใจโตเฉลี่ยปีละ 20-30% หลังสินทรัพย์ AUA เฉียด 6 แสนล้านบาท เผยผลงานปี 62 สินเชื่อโต 4.2% เอ็นพีแอล 4%

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า เป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อ 7-9% ซึ่งการเติบโตจะกระจายทั้งในส่วนสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเอสเอ็มอี และสินเชื่อบรรษัท อย่างไรก็ดี ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนและปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น ธนาคารเน้นการเติบโตแบบระมัดระวัง ไม่จำเป็นต้องเติบโตเท่าตลาด แต่จะเน้นผลงานโดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 13-15% ใกล้เคียงปีก่อนที่อยู่ในระดับ 14%

ขณะที่แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ตั้งกรอบเป้าหมายอยู่ที่ 3.9% จากปีก่อนอยู่ที่ 4% โดยธนาคารเน้นการบริหารจัดการเอง ทั้งในส่วนของหนี้เอ็นพีแอลในกลุ่มรายย่อย สินเชื่อบ้าน สินเชื่อเอสเอ็มอี เป็นต้น อย่างไรก็ดี อาจจะมีขายบ้างในกลุ่มรถยึด เนื่องจากติดตามหนี้จดถึงระดับหนึ่ง ซึ่งหากตัดขายทิ้งน่าจะคุ้มมากกว่าการตามเอง

สำหรับธุรกิจส่วนอื่นๆ ของธุรกิจตลาดทุน ถือว่าทำได้ดีในปี 2562 เช่น ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ลูกค้าสถาบัน ที่บล.ภัทร ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจวานิชธนกิจ ที่มีธุรกรรมรายการใหญ่หลายรายการ อาทิ AWC และธุรกิจ Wealth Management และธุรกิจจัดการกองทุน ซึ่งปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำหรือการจัดการ (Asset Under Advice: AUA) เติบโตขึ้นมาจากประมาณ 8 หมื่นล้านบาท-1 แสนล้านบาท จากปีก่อน AUA อยู่ที่ราว 4.75 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 5.75 แสนล้านบาท

“เริ่มปีบรรยาการศการเติบโตไม่เอื้ออำนวย หากมีปัจจัยอะไรเข้ามากระทบพร้อมปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ อย่างไรก็ดี เราโชคดีทีธุรกิจมีการกระจายตัว โดยยังเชื่อว่ากลุ่มคอนซูมเมอร์ยังเติบโตได้ และคาดหวังธุรกิจ Private Bank ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20-30% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากโปรดักต์และการบริการที่แตกต่าง โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริการการลงทุนในต่างประเทศ หุ้นกู้อนุพันธ์รูปแบบต่างๆ หรือแม้กระทั่งสินทรัพย์นอกตลาด (Private Markets) ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในสภาวะที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนต่ำ”

นายปรีชา เตชรุ่งชัยกุล ประธานสายการเงินและงบประมาณและประธานสายตลาดการเงิน ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวเสริมว่า ภาพรวมการดำเนินในปี 2562 สินเชื่อของธนาคารมีอัตราการขยายตัวที่ 4.2% จากสิ้นปี 2561 โดยมาจากการขยายตัวในสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อยเกือบทุกประเภทยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่มีการหดตัว ส่วนคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2562 อยู่ที่ 4.0% ปรับลดลงจากสิ้นปี 2561 ที่อยู่ที่ 4.1% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คํานวณตามเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 16.60% โดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 12.88%

ทั้งนี้ หากดูกลุ่มธุรกิจฯ มี กําไรสุทธิ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 1,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% จากงวดเดียวกันของปี 2561 เป็นกําไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน ซึ่งดําเนินการโดยบริษัท ทุนภัทร จํากัด (มหาชน) และบริษัทย่อย จํานวน 310 ล้านบาท มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 3,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน  ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ อยู่ที่ 1,250 ล้านบาท ลดลง 4.8%  จากงวดเดียวกันของปีก่อน  และรายได้อื่น 642 ล้านบาท รวมเป็นรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 5,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน