ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักวิเคราะห์ตลาดการเงินและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (13 ก.พ.) ที่ระดับ 31.16 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.14 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบเงินบาทวันนี้ 31.10-31.25 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ในช่วงคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk On) ดัชนี S&P500 ของสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.65% ขณะที่ Euro Stoxx50 ของยุโรปปรับตัวขึ้น 0.75% ส่งผลให้ล่าสุดดัชนีหลักทรัพย์ในทั้งสองทวีปขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาล โดยประเด็นหลักที่หนุนตลาด คือเป็นความมั่นใจของนักลงทุนที่กลับมา หลังจากการระบาดของไวรัสโคโรน่าลดการเร่งตัวลง
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
ในส่วนของตลาดอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวในทิศทางเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้น 2bps มาที่ระดับ 1.63% ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ที่ปรับตัวขึ้น 3.2% มาที่ระดับ 51.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ราว 0.3%
“สำหรับเช้าวันนี้ ต้องติดตามทิศทางของตลาดการเงินในเอเชียต่อ หลังทางการจีนปรับรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสล่าสุดเพิ่มขึ้น ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลในตลาดฝั่งเอเชียมากกว่าฝั่งตะวันตกและส่งผลให้นักลงทุนเอเชียไม่เปิดรับความเสี่ยงเท่ากับนักลงทุนสหรัฐ” ดร.จิติพลกล่าว
ส่วนของตลาดการเงินไทย แม้จะเห็นหุ้นปรับตัวกลับขึ้นได้แล้ว แต่บอนด์ยีลด์ไทยอายุ 10 ปี กลับยังซื้อขายใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1.28% พร้อมกับเงินบาทแข็งค่า การเคลื่อนไหวของตลาดชี้ให้เห็นว่านักลงทุนอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวสูง และเงินส่วนใหญ่พักอยู่ในตราสารหนี้
“ระยะถัดไปเงินบาทจะแข็งค่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่ที่ตลาดการเงินฝั่งเอเชียจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแรง ซึ่งประกอบด้วยสองปัจจัย คือความกังวลกับปัญหาเศรษฐกิจต้องหมดไป ขณะที่โอกาสในการทำกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงก็ต้องกลับมาสูงกว่าหรือเท่ากับในฝั่งสหรัฐ” ดร.จิติพลกล่าว