ดัชนีเชื่อมั่นลงทุนต่ำรอบ 4 ปี ตลาดทุนลุ้น SET รีบาวนด์ Q2

“ไวรัสโคโรน่า” ทุบดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนไทยต่ำสุดรอบ 4 ปี สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเผยเดือน ก.พ. อยู่ที่ 72.75 จุด ลดลง 9.91% ลุ้นหุ้นไทยรีบาวนด์หลังสะท้อนผลกระทบเลวร้ายสุดไปแล้ว หวังไตรมาส 2 หลังปรับลดเป้ากำไร บจ.เสร็จ ดัชนีขยับขึ้นไปแตะ 1,600 จุดได้ ฟาก ThaiBMA เผยเดือน ก.พ. ต่างชาติเริ่มขายสุทธิบอนด์ไทย คาดแนวโน้มฟันด์โฟลว์ไหลกลับตลาดตราสารหนี้สหรัฐ

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนไทยในเดือน ก.พ. 2563 ปรับลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ลดลงไปอยู่ในเกณฑ์ซบเซา เป็นเดือนแรกในรอบ 4 ปี ที่ 72.75 จุด หรือลดลง 9.91% จากเดือน ม.ค. อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าขณะนี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะถึงจุดที่เริ่มสะท้อนกรณีเลวร้ายที่สุด จากการระบาดของไวรัสโคโรน่าไปพอสมควรแล้ว ซึ่งหากเหตุการณ์ไม่ได้บานปลาย และจำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มลดลง ก็คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสรีบาวนด์ได้

ทว่า ช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ดัชนีอาจจะขยับไปไม่ได้ไกลนัก จนกว่าจะมีการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 2563 ซึ่งต้องรอหลังประกาศงบการเงินไตรมาส 4/62 จบก่อน นอกจากนี้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะกลับไปแตะ 1,600 จุด ได้ช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ส่วนเป้าดัชนีสิ้นปี คาดว่าจะอยู่บริเวณ 1,650 จุด

“เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับลดลง สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก ยกเว้นตลาดหุ้นสหรัฐที่ยังปรับขึ้นได้ดี” นายไพบูลย์กล่าว

ทั้งนี้ ผลกระทบจากไวรัสโคโรน่าคาดว่าจะกระทบเศรษฐกิจโลก 0.2% และทำให้เศรษฐกิจไทยโตเพียง 2-2.2% จากเดิมคาด 2.6-2.7% โดยไตรมาสแรกจะหนักที่สุด เพราะจีนมีอิทธิพลต่อการท่องเที่ยวและการบริโภคของไทย

“คาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะกินเวลาไม่เกิน 3 เดือน และเชื่อว่าตั้งแต่ไตรมาส 2 ไป กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นอย่างรวดเร็ว โดยผลกระทบจากไวรัสโคโรน่าคงเป็นปัญหาชั่วคราว ไม่เหมือนสงครามการค้าที่ค่อนข้างยืดเยื้อ หากคนเริ่มมีความมั่นใจเกี่ยวกับการแพทย์ มีวัคซีนออกมาควบคุมได้ จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เริ่มลดลง เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวค่อนข้างแรง” นายไพบูลย์กล่าว

นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1% ถือเป็นการช่วยเศรษฐกิจทางอ้อม และทำให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับอ่อนค่าต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติที่กำลังลังเล ตัดสินใจกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลก็คงจะมีมาตรการกระตุ้นออกมาต่อเนื่องอีกเช่นกัน

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า กระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ที่เข้ามาในตลาดตราสารหนี้ไทย ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างทรงตัว โดยบวกขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งคาดว่าแนวโน้มฟันด์โฟลว์น่าจะกลับเข้าไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้สหรัฐ ที่ยังให้ผลตอบแทนโดดเด่นกว่าตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (EM)

อย่างไรก็ตาม เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยราว 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ช่วงต้นเดือน ก.พ.เริ่มเห็นการขายสุทธิไป 2.5 พันล้านบาทแล้ว

นางสาวอริยากล่าวด้วยว่า ในส่วนอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ที่ปรับลดลงจนทำสถิติต่ำที่สุดรอบใหม่ (นิวโลว์) มาต่อเนื่อง จากผลกระทบของไวรัสโคโรน่านั้น มองไปข้างหน้าในอีกประมาณ 1 เดือนครึ่ง ตลาดคาดการณ์ว่าบอนด์ยีลด์น่าจะทรงตัวแล้ว อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาแม้คาดว่าต่ำสุดแล้ว ก็ยังต่ำได้อีก