ผู้ติดเชื้อ “COVID-19” พุ่งกดดันภาวะการลงทุน-ต่างชาติทิ้งหุ้นไทยต่อเนื่อง

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันที่ 14 ก.พ.63 ว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลาง โดยคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) จะแกว่งตัว 1,525 – 1,540 จุด จากปัจจัยบวกและลบที่คละเคล้า ได้แก่ ความกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่พุ่งขึ้นมากหลังจีนเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ในการนับจำนวนผู้ติดเชื้อจะเป็นลบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางการลงทุน ซึ่งกดดันให้แนวโน้มเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ยังคงไหลออกต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นจากความคาดหวังว่ากลุ่มโอเปกและพันธมิตรจะลดกำลังการผลิตลงอีก 600,000 บาร์เรล/วัน จะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ ปัจจัยบวกภายในจากมติสภาฯ โหวตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ในวาระ 2-3 และคาดว่าจะเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วงกลาง มี.ค.จะหนุนให้ดัชนีรีบาวด์ขึ้นได้

ทั้งนี้ แนะนำติดตามการประมูลคลื่น 5G ในย่านความถี่ 700 MHz 1800 MHz 2600 MHz และ 26 GHz ในวันที่ 16 ก.พ.นี้

ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกลงทุนรายตัว (Selective Buy) ในกลุ่มรับเหมา ได้แก่ STEC, CK, และ SEAFCO รวมถึงกลุ่มนิคม AMATA และ WHA อานิสงส์สภาฯ โหวตผ่านพ.ร.บ.งบปี 63 วาระ 2-3 ในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ TOP, PTTGC และ SPRC) อานิสงส์ค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก กลุ่มไฟแนนซ์ MTC, SAWAD และ KTC ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ย 0.25% และกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, HANA และ DELTA รวมถึงกลุ่มอาหา ได้แก่ CPF และ TU อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า

ในส่วนของหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ MTC (ราคาปิดล่าสุด 68.00 บาท ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 78.00 บาท) คาดว่ากำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/62 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกหนึ่งไตรมาส (เป็นบริษัทเดียวในตลาดฯ ที่กำไรเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียน) จากยอดสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นตามนโยบายขยายสาขาเชิงรุก โดย ณ สิ้น ไตรมาส 4/62 มีจำนวนสาขาทั้งหมด 4,100 สาขา เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีเพียง 3,280 สาขา


ถัดมา LH (ราคาปิด 9.55 บาท ซื้อ/เป้า 11.50 บาท) หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทยอยประกาศงบออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่โดดเด่นที่เงินปันผลซึ่ง LH เป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้อัตราเงินปันผล (Dividend Yield) สูง ราคาหุ้นที่ลดลงมองเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อเพื่อรับเงินปันผลในครึ่งปีหลังในปี 2563 โดยคาดว่าจะประกาศจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 0.40 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ประมาณ 4%