CRC ฝ่ามรสุมไวรัส เทรดวันแรกเท่า IPO 42 บาท

‘เซ็นทรัล รีเทลฯ’ เข้าซื้อขายวันแรกราคาเปิดเท่าราคาจองซื้อ IPO 42.00 บาท สยายปีกขึ้นแท่นท็อป 15 หุ้นมูลค่าสูงสุดของไทยด้วยมาร์เก็ตแคปราว 2.53 แสนล้านบาท พันธมิตรแห่ยินดีเพียบ

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC พร้อมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันนี้ (20 ก.พ.63) เป็นวันแรก หลังจากเปิดขายหุ้นไอพีโอรวม 1,691 ล้านหุ้น ด้วยราคา 42 บาทต่อหุ้น คิดเป็นการระดมทุนประมาณ 7.1 หมื่นล้านบาท โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) อิงจากราคาไอพีโอดังกล่าวจะอยู่ที่ 253,302 ล้านบาท ซึ่งติด 1 ใน 15 บริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่สุดของไทย โดยเปิดการซื้อขายวันแรกราคาเปิดเท่าราคาจองซื้อ IPO อยู่ที่ 42.00 บาท ขึ้นท็อป 15 หุ้นมูลค่าสูงสุดของไทย ด้วยมาร์เก็ตแคปราว 2.53 แสนล้านบาท

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า นับเป็นโอกาสที่น่ายินดีที่ได้ต้อนรับ CRC เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวทั้งในไทยและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีก แฟชั่น ฟุ๊ด และฮาร์ดไลน์

“ผมเชื่อว่าด้วยวิสัยทัศน์และทีมผู้บริหารของ CRC จะนำพาบริษัทไปสู่ความยั่งยืนและสามารถส่งเสริมการขยายตัวของประเทศได้ในระยะยาว” นายภากรกล่าว

นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนธนาคารกรุงเทพและบริษัทหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเซนทรัลฯ มาอย่างยาาวนาน ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งจากกมูลค่าระดมทุนที่สูงที่สุด ผมเชื่อมั่นว่าหุ้น CRC จะมีศักยภาพและเติบโตอย่างมั่นคง และแข่งขันเติบโตได้อย่างยั่งยืน

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธาานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่บริษัทหลักทรัพย์ภัทรได้มีส่วนร่วมในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญในการจัดจำหน่ายหุ้นไอพีโอ ซึ่งเป็นไอพีโอที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นหลักทรัพย์ที่ทำให้ได้รับความสนใจของตลาดทุนอย่างยิ่ง ช่วยส่งเสริมศักยภาพของประเทศในการเติบโต ซึ่งต้องขอแสดงความชื่นชมและเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า CRC ภายใต้การนำของตระกูลจิราธิวัฒน์ และทีมบริหารมืออาชีพ จะเป็นผู้นำการค้าระดับโลกต่อไป

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในนามของธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ขอแสดงความยินดี ในโอกาสเข้าจดทะเบียนเป็นวันแรก ซึ่งเป็นอาณาจักรค้าปลีกที่เริ่มเมื่อ 72 ปีก่อน ปัจจุบันยังเป็นผู้นำค้าปลีก ที่ส่งผลให้การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม ประสบความสำเร็จเป็นธุรกิจข้ามชาติ และเชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการของ CRC จะนำพาองค์กรให้บรรลุตามที่มั่นใจไว้ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งควบคู่กับธุรกิจตลาดทุนไทยต่อไป

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ บมจ.เซนทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทจะมีประสบการทำงานหนักมามากกว่า 72 ปี จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำการค้าปลีกระดับโลก แต่โลกเปลี่ยนแปลงเสมอ ฉะนั้นเราจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องตั้งใจพัฒนาปรับปปรุงในทุกๆ ด้านต่อไป ซึ่งเราเรียกว่า new central new retail เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในทุกภูมิภาค จึงต้องก้าวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหหลักทรัพย์เพื่อความคล่องตัวในการะดมทุนที่กว้างขึ้น และที่ตั้งใจไว้ไม่ใช่เฉพาะวันแรกที่มีไอพีโอที่มีมูลค่าสูงสุด และเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่เราตั้งใจจะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณค่า ซึ่งต้องขอบคุณบริษัทหลักทรัพย์และธนาคารผู้รับประกันจัดจำหน่ายทุกคน และขอบคุณผู้บริหาร และพนักงานเซนทรัลกรุ๊ปที่ให้การสนับสนุน พร้อมทั้งเครือข่ายพันธมิตร และชุมชนที่เราเข้าไปดำเนินการ และขอบคุณผู้ลงทุนสถาบันและรายย่อย และที่สำคัญมากคือลูกค้าของเรา

“เรามีความตั้งใจและมีความเชื่อมั่นในหลักการ ที่ต้องยั่งยืนและเติบโตอย่างมีกำไร และมีความสนใจในปัญหาต่างๆ ในสังคม ในระบบสิ่งแวดล้อม รวมถึงหลักธรรมาภิบาล และที่สำคัญมาก การพยายามพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกคน”

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ก่อนจะถึงวันนี้ เราได้มีการเตรียมพร้อมและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคนที่ได้นำเสนอขายหุ้นไอพีโอที่มูลค่าสูงสุดของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งยังเป็นหุ้นไอพีโอในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีมูลค่าเสนอขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ได้เป็นผลสำเร็จ จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองข้ามผลกระทบต่อสภาวะของตลาดหุ้นในระยะสั้น เพราะเชื่อมั่นในโอกาสเติบโตในระยะยาวจากปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงและแข็งแกร่งของบริษัท ที่พร้อมจะผลักดันการเติบโตทั้งแบบ Organic ผ่านการขยายและปรับปรุงสาขาของแบรนด์ค้าปลีกชั้นนำในเครือทั้งในประเทศไทย รวมทั้งในประเทศเวียดนามและอิตาลี ซึ่งมีแผนการและเป้าหมายการเพิ่มจำนวนร้านค้าที่ชัดเจน นอกจากนี้ การไอพีโอที่ผ่านมาทำให้ CRC มีความพร้อมทุกเมื่อสำหรับการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบ Inorganic หากมีโอกาสควบรวมกิจการหรือเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การลงทุนอย่างรอบคอบและมีวินัย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจค้าปลีกไทย ส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม รวมทั้งสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้กับนักลงทุน”

การนำเสนอขายหุ้นไอพีโอของ CRC ที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นการสร้างสถิติใหม่ให้กับตลาดหุ้นทั้งในประเทศและในระดับโลกถึง 4 สถิติ ทั้งการเป็นหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย ด้วยมูลค่าเสนอขายที่สูงที่สุดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมทั้งยังเป็นไอพีโอในกลุ่มค้าปลีกที่มีมูลค่าเสนอขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาดรวมที่ราคาเสนอขายสุดท้ายแล้ว ทำให้ ‘CRC’ มีโอกาสที่จะได้จัดอยู่ในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 15 ลำดับแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 3 วันหลังเริ่มทำการซื้อขาย นอกจากนี้ CRC ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 ทางบริษัท ได้ต้อนรับนักลงทุนและประชาชน 1,400 คน ที่มาร่วมรับฟังการบรรยายสรุปการเสนอขายหุ้น CRC ซึ่งถือเป็นการทุบสถิติจำนวนคนที่เข้าร่วมฟังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

นายญนน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงโอกาสเติบโตว่า “เรามั่นใจว่านักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและร่วมเป็นเจ้าของ CRC จะได้เติบโตไปกับแพลตฟอร์มค้าปลีกแห่งอนาคตของเรา ที่ไม่ใช่มีเฉพาะแค่หน้าร้าน ไม่ได้มีเฉพาะ E-Commerce แต่เป็นการผนวกจุดเด่นจากทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ มายกระดับขีดความสามารถในการทำธุรกิจค้าปลีกในยุคปัจจุบันผ่าน Customer-Centric Omni-Channel ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มค้าปลีกที่สามารถสร้างรายได้จากทุกที่ ทุกเวลา พร้อมกับมอบประสบการณ์ที่ดีกว่า สะดวกกว่า เข้าถึงตัวเลือกสินค้าที่น่าเชื่อถือได้หลากหลายกว่า พร้อมจับต้องสินค้าได้จริง จนได้รับความนิยมจากลูกค้าดั้งเดิมของเซ็นทรัล รีเทล รวมทั้งได้ลูกค้ารายใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และมีบทพิสูจน์การเติบโตอย่างก้าวกระโดด เห็นได้จากแคมเปญล่าสุดของเรา ทั้ง 11.11 และ 12.12 mega sale เมื่อปลายปี 2562 ที่สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ถึง 2 เท่า ซึ่งช่องทาง Omni-Channel นับได้ว่ายังมีช่องว่างการเติบโต อีกมากในอนาคต”

ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตระกูลจิราธิวัฒน์ จะยังคงถือหุ้นใน CRC ด้วยสัดส่วนกว่า 70% (ภายใต้สมมติฐานว่าจะมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของผู้ก่อตั้งที่จะยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของบริษัท ผ่านการบริหารจัดการของทีมผู้บริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์ โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินรวม หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ ชึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อบริหารกิจการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ