ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนก.ค.บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นปานกลางตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ โดยการจ้างงานยังคงมีความแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีการขยายตัวปานกลาง และการขยายตัวด้านการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจเริ่มกระเตื้องขึ้นในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา
ส่วนเงินเฟ้อในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานั้น อัตราเงินเฟ้อทั่วโป และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ได้ปรับตัวลดลงในปีนี้ และยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2% โดยข้อมูลที่ได้จากการสำรวจการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวบ่งชี้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
คณะกรรมการ FOMC มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการจ้างงานให้เติบโตอย่างเต็มที่และหนุนราคาให้มีเสถียรภาพ การที่พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา และพายุเฮอร์ริเคนมาเรียได้พัดถล่มในหลายพื้นที่ของสหรัฐนั้น ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพายุและการบูรณะสิ่งปลูกสร้างจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะใกล้นี้ แต่จากประสบการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้เฟดตั้งข้อสังเกตุว่า ปัจจัยเกี่ยวกับพายุอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วประเทศในระยะกลาง ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการ FOMC ยังคงคาดการณ์ว่า ด้วยการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะขยายตัวปานกลาง และภาวะในตลาดแรงงานจะยังคงมีความแข็งแกร่ง การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินและสินค้ารายการอื่นๆภายหลังจากเกิดพายุเฮอร์ริเคนนั้น จะหนุนอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นชั่วคราว และหากไม่นับรวมผลกระทบดังกล่าวแล้ว คาดว่าเงินเฟ้อจะยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2% ในระยะใกล้นี้ แต่คาดว่าในระยะกลาง เงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ของคณะกรรมการ FOMC ขณะที่ความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ อยู่ในระดับค่อนข้างสมดุล ทั้งนี้ คณะกรรมการ FOMC ยังคงจับตาสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด
เมื่อพิจารณาถึงภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่เป็นไปตามการคาดการณ์แล้ว คณะกรรมการได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ที่ระดับ 1.00-1.25% ขณะที่จุดยืนด้านนโยบายการเงินนั้น ยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปรับตัวดีขึ้นต่อไปของภาวะตลาดแรงงานและการที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสู่ระดับ 2% อีกครั้ง