ธอส.-ธ.ก.ส.รุกธุรกิจใหม่เสริมเขี้ยวเล็บอุ้มฐานราก

2 แบงก์รัฐเดินหน้าธุรกิจใหม่กระชับพื้นที่ดูแลผู้มีรายได้น้อย-ข้าราชการ-เกษตรกร “ธอส.” คาดหลังไตรมาส 2 เริ่มลุยธุรกิจรับประกันสินเชื่อบ้าน-ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน-ถือหุ้นบริษัทประกัน ขณะที่ “ธ.ก.ส.” คาดตั้งบริษัทลูกทำธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรการเกษตรได้ในปีบัญชี 2563

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับการขยายขอบเขตธุรกิจของ ธอส. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างกฎกระทรวงไป 2 ฉบับ เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเป็นการเปิดทางให้ ธอส.ตั้งบริษัท หรือร่วมกิจการรับประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือการรับประเมินมูลค่าทรัพย์สิน รวมถึงถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ อย่างไรก็ดี คาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 2-3 เดือน ที่ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ จากนั้น ธอส.น่าจะเริ่มเดินหน้าธุรกิจใหม่ได้ในหลังไตรมาส 2 ปีนี้

“ที่ผ่านมา ธอส.ได้แก้ไขกฎหมาย จึงทำให้ธนาคารสามารถขยายขอบเขตในการเข้าไปถือหุ้น หรือจัดตั้งบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัยได้ โดยเราจะเน้นดำเนินงานในเรื่องการรับประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ติดตามหนี้ ประกันที่อยู่อาศัย และรวมถึงการประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วย” นายฉัตรชัยกล่าว

โดยการที่ ธอส.สามารถขยายขอบเขตธุรกิจได้มากขึ้น จะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งข้าราชการ ที่ต้องการจะมีบ้านเป็นของตัวเอง สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้นอีก เนื่องจากธนาคารจะเข้าไปถือหุ้นร่วมกับบริษัทประเมินมูลค่าทรัพย์สิน และใช้เทคโนโลยีที่ ธอส.มีอยู่เข้ามาทำงานร่วมด้วย ซึ่งจะส่งผลให้การประเมินราคาถูกลงไม่ต่ำกว่า 30% จากเดิมที่ประเมินผ่านบริษัททั่วไป อัตราค่าธรรมเนียมประมาณ 2,200-2,800 บาท อย่างไรก็ดี ขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้พิจารณาถึงบริษัทที่จะเข้าไปร่วมถือหุ้น เนื่องจากจะต้องรอขั้นตอนการออกกฎหมายให้แล้วเสร็จก่อน

“ค่าธรรมเนียมการประเมินราคาจะถูกลง เนื่องจากเราใช้บริษัทของเราเอง ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่จะได้รับการบริการตามมาตรฐานคงเดิม แต่อัตราค่าบริการถูกลง” นายฉัตรชัยกล่าว

นายฉัตรชัยกล่าวด้วยว่า ครม.ยังได้อนุมัติให้ ธอส.ร่วมกิจการกับบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างระบบพิสูจน์ตัวตนทางดิจิทัลได้ ซึ่ง ธอส.จะเข้าไปร่วมถือหุ้นในบริษัท National Digital ID (NDID) เพื่อใช้ข้อมูลดิจิทัลร่วมกับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้งหมด ให้มีความสามารถในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานเหมือนกับธนาคารพาณิชย์ได้

นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทในเครือ ธ.ก.ส.ขึ้นมา เพื่อทำธุรกิจเช่าซื้อ หรือธุรกิจลีสซิ่ง เครื่องจักรการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรเข้ามาเช่าหรือเช่าซื้อในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ตามนโยบายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้ ธ.ก.ส.อยู่ระหว่างศึกษาลักษณะของธุรกิจชุมชน ความพร้อมของชุมชน พื้นที่ จำนวนผลผลิต รวมทั้งความคุ้มค่าของระยะเวลาการคืนทุนเครื่องจักรกล ซึ่งคาดว่าในช่วงเดือน มี.ค. 2563 จะมีความชัดเจนขึ้น และการจัดตั้งบริษัทน่าจะเรียบร้อยภายในปีบัญชี 2563 (เม.ย. 63-มี.ค. 64)

“การจัดสรรเครื่องจักรไม่ใช่เรื่องยาก แต่กระบวนการกลุ่มที่จะสร้างคณะกรรมการ เพื่อกำหนดกติกาเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างไรก็ดี ธ.ก.ส.ก็ได้มีการทดลองการดำเนินงานแล้วในการทำเกษตรแปลงใหญ่ รวมถึงเรื่องเครื่องจักรกลเกษตรด้วย ก็จะมีการถอดบทเรียนเพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้สำเร็จ และปัจจัยที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วใช้เป็นโครงสร้างในการที่จะจัดตั้งรูปแบบของบริษัท ซึ่งอาจจะเป็นบริษัทของชุมชน หรือธุรกิจเครื่องจักรกลสร้างไทย ก็จะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบ ซึ่งกรอบการดำเนินงานต่าง ๆ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้” นายสมเกียรติกล่าว