เงินบาทแกว่งตัวกรอบแคบ กสิกรฯคาดสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.20 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทยังแกว่งตัวในกรอบแคบ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงท้ายสัปดาห์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทยังแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าเล็กน้อยท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ที่ชะลอลงก่อนการประชุมเฟด ประกอบกับยังมีแรงหนุนเป็นระยะจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี เงินบาทต้องลดช่วงบวกทั้งหมดลง และกลับไปยืนในระดับที่อ่อนค่ากว่า 33.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังเงินดอลลาร์ฯ กลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากผลการประชุมเฟดที่ยังสะท้อนโอกาสความเป็นไปได้ของการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ อีก 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงขาขึ้นของเงินดอลลาร์ฯยังเป็นไปอย่างจำกัดท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ

สำหรับในวันศุกร์ (22 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากระดับ 33.08 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (15 ก.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (25-29 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-33.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่ผลการประชุมกนง. และเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในเดือนส.ค. ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ดัชนียอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ข้อมูลรายได้ การใช้จ่ายส่วนบุคคล และดัชนีราคาเดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/60 (ครั้งสุดท้าย) นอกจากนี้ ปัจจัยในต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟดอื่นๆ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี และสถานการณ์หลังการเลือกตั้งในเยอรมนี

ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,659.05 ลดลง 0.09% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นประมาณ 6.20% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 63,951.52 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 574.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.55% จากสัปดาห์ก่อน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์จากแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ประกอบกับมีแรงซื้อสุทธิหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยกลับมาปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายเพื่อทำกำไรหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้านี้ ประกอบกับมีปัจจัยลบจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เตรียมจะคุมเข้มนโยบายการเงิน ตลอดจนประเด็นเกาหลีเหนือ และการปรับลดอันดับเครดิตของจีนโดย S&P

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (25-29 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,650 และ 1,635 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,675 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินไทย และการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ตลอดจนรายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนส.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ อาทิ รายงานการประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางญี่ปุ่น, ดัชนีราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นเดือนส.ค. และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ของจีน

 

ที่มา : มติชนออนไลน์