ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักวิเคราะห์ตลาดการเงินและการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (1 เม.ย.) ที่ระดับ 32.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 32.70 บาทต่อดอลล่าร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้คาดเคลื่อนไหวระหว่าง 32.65-32.95 บาทต่อดอลลาร์
โดยในช่วงคืนที่ผ่านมานักลงทุนฝั่งสหรัฐทยอยขายหุ้นปิดท้ายไตรมาส ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงอีก 1.6% ในสามเดือนแรกของปีนี้จึงปรับตัวลงรวม 20% กลายเป็นช่วงที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1987
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
อย่างไรก็ดี ในฝั่งของมุมมองเศรษฐกิจในอนาคตก็มีปัจจัยบวกอยู่บ้าง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐ (CB Consumer Confidence) ปรับตัวลงมาที่ 120จุด จากที่คาดว่าจะปรับตัวลงหนักกว่านี้
เช่นเดียวกันกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการญี่ปุ่น (Tankan Business Survey) ที่รายงานในช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็สังเกตได้ว่าภาคอุตสาหกรรมมีมุมองเชิงบวก ว่าน่าจะสามารถกลับมาทำธุรกิจได้ตามปกติบ้าง
นอกจากนี้ ดัชนีความกลัวหรือ VIX Index ก็ปรับตัวลงบ้างโดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 53% แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงที่สูงผิดปกติ แต่ก็ถือเป็นสัญญาณว่าตลาดเคยชินกับความเสี่ยงปัจจุบันมากขึ้น
ดร.จิติพล กล่าวอีกว่า ในฝั่งของตลาดเงินในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าดอลลาร์แข็งค่าผิดปกติจากปัญหาสภาพคล่อง โดยเมื่อเทียบกับสกุลเงินกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ผันผวนสูง (High Volatility EM Currencies) ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 15-20% และมีเพียงทองคำ ฟรังก์สวิส (CHF) กับเงินเยน (JPY) เท่านั้นที่สามารถปรับตัวบวกได้ในไตรมาสแรก
“เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวไม่ได้มาจากพื้นฐานของสหรัฐที่ที่ดีกว่าประเทศอื่น ในอนาคต สกุลเงิน EM จึงมีโอกาสฟื้นตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินประเทศพัฒนา (DM) เช่นกัน” ดร.จิติพลกล่าว
สำหรับค่าเงินบาท ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดดันจากสามประเด็นหลัก คือความกังวลว่าเศรษฐกิจจะหดตัวหนังจากวิกฤติโควิด-19 การอ่อนค่าของสกุลเงิน EM และตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียที่ผันผวน
” มองว่าในช่วงต้นไตรมาสนี้ ทั้งสามปัจจัยดังกล่าวจะยังคงกดดันเงินบาทต่อเนื่อง เพราะทั่วโลกจะเลือกใช้มาตรการชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจในการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัส โดยมองว่าอ่อนค่าได้มากที่สุดถึงระดับ 33.70 บาทต่อดอลลาร์ หรือคิดเป็นการอ่อนค่าต่อเนื่อง 2.5%” ดร.จิติพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ก็มีโอกาสที่ทุกสกุลเงินเอเชียจะกลับตัว เพราะจะเป็นขาลงของการระบาดของไวรัส ขณะเดียวกันเศรษฐกิจฝั่งเอเชียก็จะกลับมาดำเนินการได้ตามปกติก่อนฝั่งตะวันตก เงินบาทจึงมีโอกาสแข็งค่ากลับลงได้เช่นกัน