“สมคิด-อุตตม” ชง พ.รก.กู้ 1 ล้านล้านบาท ดูแลระบบ ”สาธารณสุข” สู้โควิด-19 พร้อมเยียวยาผู้เดือดร้อน-ฟื้นเศรษฐกิจยาว 1 ปีครึ่ง แลกระดับหนี้สาธารณะใกล้ชนกรอบความยั่งยืน 60%
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วันนี้ (3 เม.ย.) เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
- BITE SIZE : ขึ้นค่าแรง 10 จังหวัด-ปรับเงินเดือนข้าราชการ เพิ่มขึ้นเท่าไร
โดยในการประชุมวันนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน วงเงินราว ๆ 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ดูแลเยียวยาผลกระทบ และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในระยะ 1 ปีครึ่งข้างหน้านี้
“เรื่องขนาดวงเงิน คงต้องคุยใน ครม.อีกที ซึ่งก็ต้องมีขนาดใหญ่ เพราะผลกระทบครั้งนี้มีมาก GDP ก็จะหายไปเยอะ โดยการดูแลผลกระทบก็ต้องช่วยทั้งด้านสาธารณสุข สนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น และการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาด ซึ่งต้องดูแลให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า หาก ครม.สรุปการกู้เงินออกมาในระดับที่วางไว้ อาจจะทำให้ระดับหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 41-42% ของ GDP ในปัจจุบันไปอยู่ระดับเกือบ 60% ที่เป็นกรอบความยั่งยืนตามกฎหมายวินัยการคลัง แต่ก็ถือว่ายังต่ำกว่าหลาย ๆ ประเทศที่สูงมากกว่า 100% และมีความจำเป็นต้องดำเนินการ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมกับหน่วยงานด้านการเงินการคลังเมื่อ 2 เม.ย. ว่า กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เตรียมการออกมาตรการชุดที่ 3 เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ 3 เม.ย.นี้ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมรับทราบถึงแนวทางในการออกชุดมาตรการ งบประมาณที่จะต้องใช้ รวมถึงที่มาของงบประมาณด้วย ซึ่งอาจจะมีทั้งการออก พ.ร.ก.กู้เงิน และ พ.ร.บ.โอนเงินงบประมาณ และหากมีการอนุมัติ จะนำเสนอเข้าสู่ ครม.ในสัปดาห์หน้า (7 เม.ย.) ต่อไป
สำหรับมาตรการดังกล่าว จะออกมาดูแลและเยียวยาความเสียหายของประชาชนทุกภาคส่วนได้อีก 6 เดือน คลอบคลุมทั้งภาคประชาชนที่ยังได้รับความเดือดร้อน และต้องมีการเข้ามาดูแลเพิ่มเติม กลุ่มผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจและเกิดการจ้างงานต่อไปได้ และจะมีการดูแลกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งดูแลเสถียรภาพของตลาดเงินตลาดทุนไม่ให้เกิดความเสียหายด้วย
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจว่ารัฐบาลดูแลอย่างครอบคลุม
ส่วนนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการที่จะเสนอ ครม.วันนี้จะเป็นมาตรการที่จะดูแลครอบคลุม ทั้งกลุ่มที่ต้องได้รับการเยียวยาต่อเนื่อง เกษตรกร ผู้ประกอบการ และกลุ่มตลาดเงินตลาดทุน โดยส่วนหนึ่งจะมีการแจกเงินต่อไป เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มใดบ้าง และยังไม่สามารถระบุจำนวนงบประมาณที่จะต้องใช้ได้
“ที่มาของจำนวนเงินและแหล่งทุนก็จะพิจารณาประกอบกับขนาดของชุดมาตรการ อย่างไรก็ดี ในบางส่วนสำนักงบประมาณก็เป็นผู้ดูแลหาเงินทุน อาจจะใช้วิธีที่จะปรับงบประมาณปี 2563 ของหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่ให้กระทบเงินเดือนประจำ ขณะที่การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน ยังระบุจำนวนเงินไม่ได้” นายอุตตมกล่าว
ทั้งนี้ ชุดมาตรการดังกล่าวจะดูแลครอบคลุมปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ ทั้งการจับจ่ายใช้สอย ผู้ประกอบการที่มีรายได้ลดและต้องลดรายจ่าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกจ้างและพนักงาน พร้อมกันนี้ จะมีการดูแลระบบเศรษฐกิจให้การส่งผ่านเงินเกิดสภาพคล่องลื่นไหล ทั้งธนาคารพาณิชย์ ตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงจะเข้าไปสนับสนุนให้ระดับฐานรากมีความเข้มแข็ง โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นมาตรการดังกล่าว จึงจะพยายามดูแลให้ครอบคลุม เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าระบบเศรษฐกิจมีความมั่นคง และเพื่อให้ในอนาคตเศรษฐกิจได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ให้สามารถเดินต่อไปได้