กรมบัญชีกลาง ให้เบิกค่ายารักษาโรคไตที่โรงพยาบาลเอกชนได้ เริ่ม 15 เม.ย.นี้

กรมบัญชีกลางปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรัง ให้สามารถเบิกค่ายากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงและค่าตรวจที่สถานพยาบาลเอกชนได้

นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้ดำเนินโครงการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลทดแทนไตในผู้ป่วยไตเรื้อรังด้วยวิธีไตเทียม โดยให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวสามารถเบิกค่าฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในสถานพยาบาลเอกชนได้ และเพื่อให้การเบิกจ่ายค่ารักษาโรคไตวายเรื้อรังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กรมบัญชีกลางได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพื่อให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังสามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลเอกชนได้สะดวกมากขึ้น กรณีสถานพยาบาลของทางราชการไม่มีเครื่องไตเทียมหรือมีแต่ไม่เพียงพอในการให้บริการ โดยได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ ดังนี้

1. ค่าฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ให้เบิกได้ตามอัตราของสถานพยาบาลของทางราชการ

2. สามารถเบิกค่ายากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง (Erythropoiesis-Stimulating Agents) ที่สถานพยาบาลของเอกชนได้ จากเดิมผู้ป่วยต้องนำยาจากสถานพยาบาลของทางราชการไปใช้ในการรักษาที่สถานพยาบาลเอกชน

3. สามารถเบิกค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สถานพยาบาลเอกชนได้ จากเดิมที่ไม่สามารถเบิกได้ เพื่อให้คุณภาพในการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


“หลักเกณฑ์ฉบับดังกล่าว จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2563 เป็นต้นไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรัง ให้สามารถเข้าถึงการรักษาในสถานพยาบาลเอกชนได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้มีสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 223 แห่งทั่วประเทศ โดยผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ต้องการเข้ารับการรักษา สามารถตรวจสอบการให้บริการกับสถานพยาบาลเอกชนได้จากแอปพลิเคชั่น “CGD.iHealthCare” เลือกเมนูสถานพยาบาลที่เข้าร่วม เลือกกลุ่มเฉพาะโรค (ฟอกไต) จากนั้นใส่จังหวัดที่ต้องการค้นหาหรือชื่อสถานพยาบาลที่ต้องการค้นหา หรือติดต่อสอบถามที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 02 270 6400 ในวัน เวลาราชการ” อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าว