หุ้น5แบงก์ใหญ่ปรับลดลงเล็กน้อยหลังแบงก์ชาติสั่งเพิ่มเงินเข้ากองทุน

จากกรณีที่มีประกาศราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการประกาศเกณฑ์เพื่อกำกับดูแลสถาบันการเงินขนาดใหญ่ 5 แห่งคือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ ปี 2560 (มาตรการ D-SIBs) โดยปัจจุบันธนาคารขนาดใหญ่มีการสำรองสูงกว่ามาตรฐาน BIS Ratio เกิน 7.5% ซึ่งปรับเพิ่มตามประกาศใหม่ไปนานแล้ว โดยการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นการปรับเกณฑ์ให้เป็นไปตามหลักสากล ในการเตรียมความพร้อมการกำกับดูแลสถาบันการเงินมากขึ้นนั้น

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การออกประกาศดังกล่าวของทางธปท. อาจจะไม่ได้เป็นแรงกดดันมาก แต่อาจจะมีผลกระทบราคาหุ้นในระยะสั้นๆ หรือมีผลทางกระทบทางจิตวิทยา แต่ในภาพรวมหุ้นกลุ่มแบงก์ยังไม่ได้ปรับลดมากนัก ขณะเดียวกัน กรณีที่ธปท.พบว่าพฤติกรรมสนับสนุนให้ลูกค้าผู้ฝากเงินหลีกเลี่ยงการชำระภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยรับส่วนที่เกินกว่า 20,000 บาทนั้น มองว่ามีผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากเป็นการออกคำตักเตือนของธปท. ซึ่งยังไม่มีมาตรการออกมากดดันการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์

ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ราคาหุ้นของธนาคารทั้ง 5 แห่งในวันที่ 26 กันยายน ภายหลังที่มีประกาศตั้งสำรองเงินใหม่ ลดลงเพียงเล็กน้อยประมาณ 0.27-1.32% หรือปรับลดลง 0.20-1 บาท โดยธนาคารกรุงเทพหรือบีบีแอล ปิดตลาดที่ 186 บาท มีการเปลี่ยนแปลง -0.27% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า โดยทำราคาสูงสุดระหว่างวันที่ 187.50 บาท และราคาต่ำสุด 185.50 บาท ,ธนาคารกรุงไทยหรือเคทีบี ปิดตลาดที่ 18.80 บาท มีการเปลี่ยนแปลง -1.05% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า โดยทำราคาสูงสุดระหว่างวันที่ 19 บาท และราคาต่ำสุด 18.70 บาท ,ธนาคารไทยพาณิชย์หรือเอสซีบี ปิดตลาดที่ 154 บาท มีการเปลี่ยนแปลง -0.32% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า โดยทำราคาสูงสุดระหว่างวันที่ 154.50 บาท และราคาต่ำสุด 153 บาท ,ธนาคารกรุงศรีอยุธยาหรือเบย์ ปิดตลาดที่ 37.50 บาท มีการเปลี่ยนแปลง -1.32% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า โดยทำราคาสูงสุดระหว่างวันที่ 38.25 บาท และราคาต่ำสุด 37.25 บาท และธนาคารกสิกรไทยหรือเคแบงก์ ปิดตลาดที่ 208 บาท มีการเปลี่ยนแปลง -0.48% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า โดยทำราคาสูงสุดระหว่างวันที่ 211 บาท และราคาต่ำสุด 207 บาท

 


ที่มา มติชนออนไลน์